โลกแห่งการค้นหา..เพื่อชีวิต

เรื่องรักฉบับหวานขมบทที่7-5

  “ก็ไปเจอลูกค้างี่เง่ามาน่ะสิ ให้รออยู่เป็นชั่วโมง เดี๋ยวโทรศัพท์เข้า เดี๋ยวธุระด่วน เซ็งเป็นบ้าเลย รวยแล้วยุ่งเป็นอยู่คนเดียวหรือไง ถึงฉันไม่รวย ฉันก็ยุ่งเป็นเหมือนกันนะ” หล่อนพร่ำบ่นเป็นชุด “ใจเย็นๆ เถอะ สมัยนี้มันก็อย่างนี้แหละ พนักงานขายรถมันเยอะ เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี ยอดขายก็ตก ลูกค้าก็ต้องเล่นตัวเป็นธรรมดา พนักงานขายอย่างเราก็ต้องทำใจ” วิยะดาปลอบเพื่อน    “จะทำใจยังไงล่ะ ดา ต้องนั่งรอเป็นชั่วโมง นั่งรถเมล์ไปเกือบชั่วโมง หนำซ้ำฉันก็กัดหมอนั่นซะพรุน จนเขาคงไม่คิดซื้อรถกับฉันแล้ว” คนบ่นนั่งกุมขมับข้างหนึ่ง “เอาเถอะน่า อย่างมากก็เสียลูกค้าไปคน เดี๋ยวก็มีลูกค้าเข้ามาใหม่เองแหละ” วิยะดาพูดยิ้มๆ พยายามช่วยให้เพื่อนคลายความหงุดหงิดลง “มันง่ายซะที่ไหนล่ะ เธอก็รู้ เดือนนี้ยังขายไม่ได้สักคันเลยสติ๊กเกอร์แต่งรถมอเตอร์ไซค์ เป็นอย่างนี้ แล้วฉันจะทำยังไง” ขณะบ่นก็นึกไปถึงเงินหนึ่งหมื่นบาทที่น้องสาวขอเบิกเมื่อวันก่อน คิดแล้วก็กลุ้ม มีแต่เรื่องเงินๆๆ ทำไมคนจนมันถึงลำบากแบบนี้ “คิดๆ ไปก็อิจฉาเธอเหมือนกันนะ ขายได้หรือขายไม่ได้ก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อน ยิ้มได้ตลอด โอ๊ย! ทำไมฉันถึงได้อาภัพแบบนี้นะ” หล่อนพร่ำบ่นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาจริงๆ อีกฝ่ายถอนใจเบาๆ พลางส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างขำๆ “จะเอาแบบฉันมั้ยล่ะ สบายจริง แต่เปลืองตัวหน่อย เอามั้ย” วิยะดาพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม เพราะทั้งสองสนิทสนมกันมาหลายปี ไม่มีความลับต่อกัน แต่ก็ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน และนลินก็รู้ว่าหล่อนมีผู้ชายกระเป๋าหนักทั้งโสดและไม่โสดคอยเลี้ยงดูปูเสื่อมาตลอด จึงไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงินขาดมือ เดือนไหนจะขายรถได้หรือไม่ได้ก็ไม่เดือดร้อน เพราะถึงอย่างไรก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำอยู่แล้ว ทำให้หล่อนมีเงินส่งให้บิดามารดาทุกเดือน สามารถจ่ายค่าอพาร์เมนต์ได้ สติ๊กเกอร์แต่งรถลายการ์ตูนซื้อกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือราคาแพงได้ เรียกว่าไม่มีความจำเป็นต้องมาทำงานเป็นพนักงานขายรถเลยก็ได้ แต่ที่ยังทำงานอยู่ก็เพราะให้อยู่เฉยๆ ก็เบื่อ อีกอย่าง งานนี้ทำให้ได้เจอผู้คนมากมาย หลายระดับ ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับวิยะดา “รอให้ลำบากอีกนิดแล้วกัน ไม่แน่อาจจะใช้บริการ” นลินตอบกลับคล้ายประชดชะตาชีวิตตัวเอง พลางถอนใจหนักๆ อย่างกลัดกลุ้ม ริมฝีปากที่แต่งแต้มสีสันจัดจ้านโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ วิยะดาเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนสนิทคนนี้ดี การใช้ชีวิตในสังคมเมือง ความอัตคัดขัดสน รายรับรายจ่ายที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง ภาระความรับผิดชอบต่อครอบครัว สิ่งเหล่านี้หล่อนรู้ซึ้งดี เพราะเป็นเด็กต่างจังหวัด บิดามารดายากจน มีน้องอีกสองคนต้องส่งเสียเลี้ยงดู และถ้าหล่อนมีหัวสมองฉลาดปราดเปรื่อง เรียนเก่ง มีความสามารถ ทำงานเงินเดือนสูง ก็คงไม่เป็นปัญหา แต่ความที่เป็นคนเรียนหนังสือปานกลาง ไม่ได้เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐบาล ไม่มีความสามารถโดดเด่นอะไร อย่างเก่งก็ทำได้แค่งานเลขานุการ หรือไม่ก็พนักงานขายธรรมดาทั่วไป ไม่ต้องใช้ความสามารถเรื่องภาษาอังกฤษหรือความรู้เฉพาะด้านมากมายนักสติ๊กเกอร์แต่งรถ