โลกแห่งการค้นหา..เพื่อชีวิต
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แฟชั่น แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แฟชั่น แสดงบทความทั้งหมด

เสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆนั้นเป็นเหมือนเครื่องบอกฐานะ

[เสื้อผ้า]เสื้อผ้าแฟชั่นนั้นเป็นเหมือนเครื่องบอกฐานะของบุคคลว่าจะเป็นคนฐานะร่ำรวยหรือยากจน และพวกเราเคยคิดบ้างไหมว่าเสื้อผ้านั้นมีต้นกำเนิดมาจากอะไร ใครเป็นคนคิดค้นว่าเราต้องสวมเสื้อผ้าแล้วเราจะไม่โป๊ไม่หนาว เราจะมาดูกันว่าเสื้อผ้านั้นคืออะไรมีความสำคัญอย่างไร ที่จริงแล้วไม่มีใครรู้หรอกว่าเสื้อผ้านั้นใครเป็นคนคิดค้นคนแรก เพราะว่าเสื้อผ้าที่เราใส่อยู่นี้มีต้นแบบมาตั้งแต่ยุคหินเก่าหรือประมาณ ๘,๐๐๐ ปีก่อนพุทธศักราช มนุษย์ยุคนั้นได้นำหนังสัตว์ที่ตายแล้วมาห่มกันลมหนาวนหน้าหนาวทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามนุษย์ก็ได้สวมใส่เสื้อผ้ามาโดยตลอด และเสื้อผ้าก็ได้มีการพัฒนารูปแบบสีสันต่างๆมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน “เธอ ดูสิคนนั้นเค้าแต่งตัวดีมากเลยท่าทางจะเป็นคนมีเงินนะ เฮ้ยแก ไอ้นั่นแต่งตัวไม่เรียบร้อยสกปรกชุดก็ขาดคงเป็นคนจนมาจากบ้านนอกแน่ๆเลย” นี่เป็นคำพูดที่เราได้ยินบ่อยมากในชีวิตประจำวัน มันแสดงให้เห็นว่าเสื้อผ้าที่เราใส่นั้นสามารถบ่งบอกฐานะเราได้ สามารถแสดงให้เห็นถึงนิสัยว่าเป็นคนเรียบร้อยหรือเกเรได้ ดังนั้นเราควรที่จะเลือกเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆที่เหมาะสมกับเรามาใส่เพราะว่าเสื้อผ้านั้นจะส่งผลให้เราดูดีขึ้นอย่างมากมาย เสื้อผ้านั้นมีหลายแบบหลายประเภท ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับเสื้อผ้าที่เราใส่กันบ่อยๆว่ามันมีอะไรบ้าง เวลาที่เราหนาวสิ่งแรกที่คนเราจะนึกถึงคือเสื้อกันหนาวนั่นเอง แต่ว่าเสื้อกันหนาวในปัจจุบันมีหลากหลายประเภทหลากหลายแบบมาก เช่น เสื้อกันหนาวขนสัตว์ เป็นเสื้อกันหนาวที่มีราคาแพงและหายาก หน้าหนาวจะอบอุ่นมากเพราะจะเก็บความร้อนได้ดี แต่ถ้าเป็นหน้าร้อนแล้วเราใส่เสื้อกันหนาวคงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะร้อนขนาดไหน ดังนั้นเรามาทำความรูจักกับเสื้อผ้าที่เอาไว้ใส่ตอนหน้าร้อนกันดีกว่า

ตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆสำเร็จรูปในสิงคโปร์

1) สถานการณ์ทั่วไป อุตสาหกรรมเสื้อผ้าแฟชั่นภายในสิงคโปร์ได้เปลี่ยนรูปแบบจากการผลิตสินค้าอย่างครบวงจรไปเป็นศูนย์ แฟชั่นภูมิภาคและศูนย์กลางจัดหา/จัดซื้อและการพัฒนาสินค้าเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการผลิตและค่าจ้างแรง งานสูงมาก ทำให้โรงงานผลิตย้ายฐานการผลิตไปอยู่ในต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ กัมพูชา อินเดีย ลาว และพม่า เป็นต้น ปีในยุคโลกาภิวัฒน์การออกแบบและแฟชั่นครอบคลุมไปทั่วโลก เสื้อผ้าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัว บ่งชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยทำให้เสื้อผ้าสตรีและบุรุษมีการแข่งขันกันสูงขึ้น อีกทั้งจำนวน ประชากรเพิ่มมากขึ้นทำให้หลายๆประเทศส่งออกต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อครองส่วนแบ่งตลาดเสื้อผ้าเครื่อง แต่งกายที่เป็นBrandของตนเอง สิงคโปร์ก็เป็นประเทศหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับเรื่องธุรกิจเสื้อผ้าเครื่องแต่ง กายดัง จะเห็นได้จากการที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและHypermarketในสิงคโปร์จัดแสดงสินค้าเสื้อผ้าในพื้นที่ เพิ่มขึ้น รวมทั้งประชากรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสำเร็จรูปมากขึ้น 2) พฤติกรรมผู้บริโภค / ราคา เนื่องจากอากาศในสิงคโปร์ร้อน-ชื้น เช่นเดียวกับ ประเทศไทย ดังนั้นพฤติกรรมผู้บริโภคนิยมเสื้อผ้าดังนี้ (2.1) นิยมเสื้อผ้าที่ผลิตจากผ้าฝ้ายหรือผ้าชนิดบางที่ง่ายต่อการดูแลรักษา และสวมใส่สบาย (2.2) รูปแบบตามสมัยนิยม ที่เรียบง่าย ดูดี สีไม่ฉูดฉาด (2.3) สีอยู่ในระดับโทนสีอ่อนสำหรับผู้ชาย และสีต่างๆจากระดับโทนสีอ่อนจนถึงโทนสีเข้มสำหรับผู้หญิง (2.4) ผู้หญิงชอบซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆบ่อยครั้ง มากกว่าผู้ชาย (2.5) ราคา : เสื้อ 29-129 เหรียญสิงคโปร์, เสื้อยืด 29-60 เหรียญฯ, กระโปรง 39-139 เหรียญฯ, กางเกง 69-139 เหรียญฯ และแจ๊คเก็ต 120-399 เหรียญฯ 3) ความนิยมของสินค้า (3.1) ผู้หญิงนิยมแต่งกายแบบเรียบๆ แต่มีสไตล์ เสื้อผ้าสีขาวดำจะเป็นที่นิยมมาก และสีโทนอ่อน เช่น ขาว น้ำตาล เทา ชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน ส่วนใหญ่เสื้อผ้าทำงานสีสันจะไม่ฉูดฉาด แต่เสื้อผ้าสำหรับออกงานกลางคืนหรืองานปาร์ตี้ จะมีสีสันฉูดฉาด (3.2) ผู้ชายจะนิยมเสื้อผ้าแบบเรียบง่าย สีอ่อนๆ ไม่นิยมสีฉูดฉาด (3.3) ชาวสิงคโปร์นิยมสินค้าราคาถูก คุณภาพดี และจะซื้อมากขึ้นในช่วงที่มีการโฆษณาหรือ โปรโมชั่นต่างๆ ที่ราคาลดลงจากปกติ เพราะจะรู้สึกว่าคุ้มค่า 4) ช่องทางการจัดจำหน่าย ห้างสรรพสินค้าต่างๆ (Department Stores) เช่น Takashimaya, Paragon, Robinson, OG, Mustafa, Tangs, Isetan, Vivo City และอื่นๆ ส่วน Hypermarket และร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นทั่วไป เช่น Giant, Carrefour และร้านปลีกย่อยต่างๆ 5) ระเบียบการนำเข้า นำเข้าได้เสรี โดยบ่งบอกคุณสมบัติสำหรับขนาด รูปร่าง และวัสดุที่ใช้ 6) ภาษี ไม่มีการเรียกเก็บภาษีขาเข้า ภาษีที่เรียกเก็บคือ ภาษีสินค้าและบริการ (Goods and Services Tax : GST) ร้อยละ 7 (บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2550)

กระแสเสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์ต่างๆ

หลากหลายรูปแบบ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีแบบไหนบ้าง เริ่มจากที่ฮิตที่สุดในตอนนี้... [01].เกาหลี (Korea) ตอนนี้กระแสเกาหลีกำลังมากแรง ไม่ว่าจะเป็นไอดอล เพลง ไม่เว้นแต่เสื้อผ้า เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลีจะออกแนว เรียบแต่ดูดี มีทุกสัสัน ใส่ได้ทุกงาน กำลังเป็นที่นิยมมากที่สุด v2.ญี่ปุ่นฮาราจุกุ (Japan) เป็นแนวการแต่งตัวที่แอ็บแบ๊วมากที่สุด หรือแนวๆ คอสเพลย์แบบญี่ปุ่นๆ คิดว่าหลายๆ คนคงชอบค่ะ 5.Emo คล้ายๆ พังค์แต่จะไม่เวอร์มาก คล้ายเด็กแมค นิยมทาขอบตาเป็นสีดำ เจาะตามร่างกาย เช่น จมูก ปาก (บลาๆๆๆ) ใส่เสื้อยืคสกีนโหดๆ อาร์ตๆ เข็มขัดหัวหมุด รองเท้าผ้าใบ ทำผมข้างหลังให้ฟูมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนผมข้างหน้าทำให้ตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ *เหมาะสำหรับคนผิวขาวมากๆ ถึงมากที่สุด 3.เด็กบอร์ด,เด็กฮิป (Hiphop) เด็กแนวนี้จะใส่เสื้อและกางเกงตัวใหญ่ๆ ขาสามส่วน จะชอบเพลงแนวฮิปฮอป ไปไหนก็มักไปกันเป็นกลุ่ม 4.เด็กอินดิเพนเด้นท์ (Indy) ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมมากๆ ออกแนวย้อนยุค (บางคนเอาเสื้อยายมาใส่ยังมี) ตรงตัวเลยคือแต่งตัวต้องไม่ซ้ำแบบใคร จุดเด่นของแนวนี้เน้นเสื้อสีแป๋นๆ สดๆ ลายเสื้อและกางเกงเป็นเส้นขวางตัดไขว้ไปไขว้สุดท้ายต้องใส่แว่นตาสีสดๆเสื้อผ้าแฟชั่น

ธุรกิจขายเสื้อผ้าแฟชั่น 2

สำหรับสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่นเก่าที่ล้าสมัยเกิดจากการหมุนเวียนสินค้าไม่ตรงตามฤดูการขายการนำเข้าสินค้าล่าช้าทำให้เสียโอกาสในการขาย อีกทั้งมีความถี่จากการรับคืนสินค้าซึ่งเกิดจากการนำส่งสินค้าเข้าเพื่อขายตามสถานที่จัดงานต่าง ๆ ในปริมาณที่มากเพื่อเป็นจุดสนใจในการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าแต่มีความเสี่ยงต่อการขายถ้าหากยอดการขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายหรือลดต่ำลงก็จะเกิดสินค้าคงเหลือในปริมาณที่มากเช่นกันสำหรับสินค้าเก่าและล้าสมัยบริษัทฯได้จัดตั้งสำรองสินค้าเสื่อมสภาพประมาณปีละ 5- 10 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ทุกๆปีบริษัทมีการจัดมหกรรมลดราคาสินค้าตามโชว์รูมทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัดรวม 9 แห่ง เพื่อเป็นการระบายสินค้า สินค้าคงเหลือของบริษัทมี 93% เป็นสินค้าจำพวกสิ่งทอมีอายุการใช้งาน 10 ปี และสินค้าคงเหลือ 7 % เป็นสินค้าจำพวกเครื่องสำอางซึ่งมีอายุการใช้งาน 2-3 ปี ณ. 31 ธันวาคม 2553 บริษัทมีสินค้าขายเสื้อผ้าแฟชั่นคงเหลือจำพวกสิ่งทอรวมเป็นจำนวนเงิน 211.15 ล้านบาท และสินค้าคงเหลือจำพวกเครื่องสำอางรวมเป็นจำนวนเงิน 15.49 ล้านบาท รวมเป็นสินค้าคงเหลือทั้งสิ้นจำนวน 226.64 ล้านบาทซึ่งนำมาเทียบกับปี 2552 ลดลง 7.44 ล้านบาท เทียบเป็นร้อยละ 3.18 ความเสี่ยงต่อการขาดทุนจากผลการดำเนินงาน การกำหนดทิศทางการดำเนินงานในแต่ละปีบริษัทได้ตั้งเป้าหมายการขายเพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินงานของปีก่อนและนำไปปฏิบัติงานให้สอดคล้องตามเป้าหมายที่วางไว้ และนำมาเปรียบเทียบกับการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเพื่อประเมินผล และวัดค่า การกำหนดเป้าหมายบริษัทได้วางแผนล่วงหน้าตลอดทั้งปีเป็นบวก หากเกิดผลกระทบต่อปัจจัยภายนอกที่บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการควบคุม เช่น กลไกของตลาดเป็นลบ ภาวะเศรษฐกิจที่ผันแปรและถดถอย เหตุการณ์ไม่สงบในเรื่องการเมือง การชุมนุมประท้วง การก่อการร้าย และเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศและ นอกประเทศ เป็นเหตุการณ์ที่ยากยิ่งที่อาจคาดการณ์ในสถานการณ์นั้น ๆ ได้บริษัทอาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานที่ขาดทุนได้ เพราะบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการตั้งเป้าหมายการขายที่เพิ่มขึ้น สำหรัปปี 2553 ได้รับผลกระทบต่อการชุมนุมทางการเมืองระหว่างเดือน มีนาคม ถึงเดือน พฤษภาคม 2553 ส่งผลต่อยอดการขายลดลงประมาณ 10 ล้านบาท และเสียหายจากสินค้าที่ถูกไฟไหม้ในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นจำนวน 2.25 ล้านบาท บริษัทไม่สามารถหามาตรการป้องกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกได้ แต่บริษัทได้เตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงทำวิกฤตให้เป็นโอกาสและนำพาองค์กรให้ดำรงอยู่ได้ต่อไป ความเสี่ยงต่อมาตรฐานการบัญชีสากล มาตรฐานการบัญชีสากล (International Financial Reporting Standards: IFRS) ฉบับที่ 19 เรื่องผลประโยชน์พนักงาน ซึ่งบริษัทต้องรับรู้ภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากผลประโยชน์ของพนักงานโดยใช้สมมติฐานที่ประมาณขึ้นตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย บริษัทได้ว่าจ้าง Dr. วีณา ฉายศิลป์รุ่งเรือง (ASA) จากสถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ NIDA CONSULTING CENTER เป็นผู้คำนวณผลประโยชน์พนักงานตามกฏหมายผลปรากฏว่าภาระหนี้สินจากผลประโยชน์สะสมของพนักงานถึงสิ้นปี 2553 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 11.19 ล้านบาท และบริษัทมีภาระที่รับรู้ค่าผลประโยชน์ของพนักงานเป็นค่าใช้จ่ายรายปีตั้งแต่ปี 2554-2556 เป็นจำนวนเงินประมาณ 1.22.00 ล้านบาท 1.32 ล้านบาท และ 0.81 ล้านบาท ตามลำดับ บริษัทเลือกแนวทางการบันทึกบัญชีรับรู้ภาระหนี้สินสะสมของพนักงานถึงสิ้นปี 2553 มีจำนวนรวม ทั้งสิ้น 11.18 ล้านบาท โดยตัดเป็นค่าใช้จ่ายตามวิธีเส้นตรงภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดยเริ่มบันทึกในปี 2554-2558 ส่งผลต่อกำไรในแต่ละปี ลดลง

ธุรกิจขายเสื้อผ้าแฟชั่น

ปัจจัยความเสี่ยงอาจจะเกิดขึ้นได้ในการดำเนินธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นของบริษัทฯพอสรุปได้ดังนี้ [1] ความเสี่ยงต่อประเภทธุรกิจหลัก บริษัทดำเนินธุรกิจหลักประเภทสินค้าแฟชั่นการแต่งกายสำหรับสตรีและบุรุษเป็นธุรกิจทีมีการเปลี่ยนแปลงตามยุคตามสมัยอยู่เสมอ มีการแข่งขันด้านสินค้าและราคาอย่างรุนแรง สินค้าที่จัดวางเพื่อจำหน่ายมีความหลากหลายและมากเกินกว่าความต้องการของตลาด ส่งผลให้เกิดการแย่งครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มมากขึ้น ในภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยส่งผลให้สินค้ากลุ่มแฟชั่นลดต่ำลง อีกทั้งมีอิทธิพลต่อสินค้าล้าสมัยส่งผลต่อการเก็บสต็อกเพิ่มขึ้น สำหรับบริษัทได้มีความระมัดระวังและอดทนในการดำเนินธุรกิจประเภทสิ่งทอจากประสบการณ์ที่ได้รับจากการทำธุรกิจประเภทนี้มาเป็นระยะเวลากว่า40ปีสิ่งที่บริษัทฯสามารถดำรงอยู่ได้คือการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพภายใต้เครื่องหมายการค้าเป็นของตนเองและเสริมสร้างความแข็งแรงของตราสินค้าซึ่งบริษัทมีตราสินค้าเป็นที่รู้จักในวงการเสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์สตรีอย่างแพร่หลายคือตราเชอรี่ล่อนมุ่งเน้นยกระดับคุณภาพสินค้าและราคาปัจจุบันได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการจำหน่ายสินค้าในรูปแบบซื้อมาขายไปไม่เก็บสต็อกการพัฒนาสินค้าในแต่ละแบบมีจำนวนจำกัดแต่มีแบบสินค้าให้เลือกหลากหลายเพื่อป้องกันสินค้าล้าสมัย ในแต่ละปีบริษัทได้พัฒนาสินค้าออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นช่องทางการขยายฐานการจำหน่ายสินค้าให้มากเพื่อนำพาให้เกิดยอดการขายที่สูงขึ้นในแต่ละปี [2].ความเสี่ยงต่อสินค้าคงคลัง บริษัทฯประกอบธุรกิจแบบซื้อมาขายไปประเภทสิ่งทอจำพวกสินค้าแฟชั่นการแต่งกายสำหรับบุรุษและสตรีมีสินค้าไว้เพื่อรอการจำหน่าย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างเพียงพอและสินค้ากลุ่มขายเสื้อผ้าแฟชั่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมีความเสี่ยงในสินค้าคงค้างที่ไม่สามารถจำหน่ายได้และล้าสมัยบริษัทมีความตระหนักถึงเรื่องนี้และมีความรับผิดชอบและป้องกันการเกิดสินค้าที่ล้าสมัย โดยมีการบริหารการจัดการเกี่ยวกับสินค้าดังนี้ {= สำหรับสินค้าที่นำเข้าใหม่ =} บริษัทฯมีการวางแผนการสั่งซื้อสินค้าให้สอดคล้องกับเป้าหมายการขายและกำหนดแผนการสั่งซื้อสินค้าไว้ล่วงหน้าเพื่อให้ Supplierจัดส่งสินค้าให้ทันตามกำหนดระยะเวลาและบริษัทได้จัดส่งสินค้าที่นำเข้าใหม่นี้ให้แก่ลูกค้าทันที ไม่มีสินค้าเก็บสต็อก {=สำหรับสินค้าที่รับคืนจากร้านค้า=} บริษัทได้จัดสถานที่รับคืนโดยแยกเป็นสัดส่วนเพื่อตรวจสอบและตรวจนับพร้อมทั้งแก้ไขปรับปรุงสินค้าให้อยู่ในสภาพปกติการรับคืนสินค้ามีการเก็บสต็อก สินค้าจากการรับคืนประมาณ60-80%เกิดจากการร่วมกับห้างสรรพสินค้าลดราคาในเทศกาลและกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีกำหนดระยะเวลาและหรือเช่าพื้นที่เพื่อการจัดจำหน่ายตามสถานที่ขายอื่น ๆ นอกจากนี้มีการร่วมลดราคาสินค้ากับภาครัฐและเอกชน (ติดตามตอนต่อไป)

แต่งกายเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆให้เหมาะสม

คนเราแต่งกายเพื่อปกปิดร่างกายไม่ให้กระทบกับความร้อนความเย็นจนเกินไป และเพื่อไม่ให้ประเจิดประเจ้อการนำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาปกปิดร่างกาย เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนเราที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ ค่านิยมในแต่ละสมัยเสื้อผ้าแฟชั่นนอกจากเป็นเครื่องปกปิดร่างกายแล้ว ยังเป็นเครื่องแสดงวัฒนธรรมแสดงความเป็นชาติ แสดงตัวตนที่แท้จริงของผู้สวมใส่และมีผลกระทบต่อจิตใจของผู้สวมใส่ด้วย การแต่งกายมักจะเป็นไปตามแฟชั่นที่เปลี่ยนไปเสมอ แต่มิได้หมายความว่าคนที่ไม่แต่งตามแฟชั่นเป็นคนล้าสมัย คนที่แต่งตัวงามเป็นที่ชื่นชมมักจะไม่ใช่คนที่แต่งตัวตามแฟชั่น แต่เป็นคนที่รู้จักปรับแฟชั่นให้เข้ากับตน เพียงนภากับดนัยอ่านข้อความข้างต้นกลับไปกลับมา เด็กทั้งสองเป็นเพื่อนอยู่ชั้นเดียวกัน ปรกติเขาไม่ทำการบ้านด้วยกัน แต่การบ้านวันนี้ยากจึงมาชวนเพียงนภาให้ช่วยกันทำ การบ้านนั้นคือการย่อความเรื่อง “แต่งให้งามตามที่เหมาะ” ดนัยไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน เพียงนภาแนะนำให้อ่านให้เข้าใจก่อนแล้วตัดคำที่เยิ่นเย้อออกไป เก็บเนื้อความไว้ให้เหมือนเดิม เมื่อดนัยฝึกทำพอเข้าใจแล้วจึงขอตัวกลับบ้าน เพียงนภายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะสนามตัวนั้น เพียงนภาหยิบหนังสือกลอนสอนเยาวสตรีเรื่อง ยายสอนหลาน พบข้อความที่น่าสนใจว่า “การแต่งกายไม่ต้องให้ฉูดฉาดมาก ทำผมแต่งหน้าให้ดูดีหรือไม่แต่งหน้าเลยก็ได้ เพราะถ้าหน้าตาสดใสก็จะดูดีอยู่แล้ว การใส่สร้อยแหวนเครื่องประดับมากเกินไป อาจได้รับอันตรายถูกโจรมาจี้ปล้นเอาได้ เพียงนภาคิดว่าน่าจะแต่งกลอนสอนผู้ชายด้วยเช่นกัน ผู้ชายก็ต้องแต่งกายให้เรียบร้อย สะอาด ถูกกาลเทศะ เคารพสถานที่ ไปที่ไหนก็ต้องไม่เปิ่นต้องถูกระเบียบ ดูสง่า ไม่มอซอมอมแมม และไม่สวมกางเกงขาดด้วย ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง ๑.คนจำนวนมากนิยมแต่งกายตามเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆหรือสมัยนิยม ทำให้ดูทันสมัย ๒.ผู้ที่ไม่แต่งกายตามแฟชั่นไม่ใช่คนเชยหรือล้าสมัย แต่เป็นคนที่รู้จักปรับแฟชั่นมาแต่งให้เหมาะสมสำหรับตนเอง ๓.การแต่งกายที่ดี ไม่จำเป็นต้องแต่งตามแฟชั่น แต่เป็นการแต่งกายให้สะอาด เรียบร้อยเหมาะแก่วัยและสถานภาพของผู้แต่ง

เคล็ดลับเสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์เสริมสร้างความงามทั้งกายและใจ

7. รอยยิ้ม เป็นเสน่ห์ที่ไม่ต้องลงทุนซื้อหา ใครที่มีรอยยิ้มประดับใบหน้า บ่งบอกว่ามีความเป็นมิตร เป็นคนอารมณ์แจ่มใส ผิดกับคนหน้าตาบูดบึ้งหรือเฉยชา ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เพราะไม่ชวนให้รู้สึกวางใจหรือประทับใจ จึงไม่อยากคบค้าหรือติดต่อประสานงานด้วย 8. คำพูด พูดจาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร เต็มใจพูด แจ่มใส จะทำให้คนที่เราพูดด้วยรู้สึกดี และสะท้อนความดูดีของตัวเราเอง ทุกครั้งที่พูดจงเต็มใจพูด พูดให้ไพเราะ สุภาพ น่าฟัง มีสาระ ใช้ถ้อยคำที่เข้าใจง่าย และให้เกียรติแก่ผู้ฟังด้วย 9. จิตใจ จิตใจที่ดีจะเป็นความดูดีที่ถาวรและเป็นเสน่ห์ที่ยั่งยืนมาก เราทุกคนอยากรู้จักคบหากับคนที่จิตใจดี จิตใจที่ดีต้องมองโลกในแง่ดี มองคนในแง่ดี และมีทัศนคติที่ดีต่อชีวิต มีความหวัง รู้จักให้ รู้จักแบ่งปัน มีคุณธรรมนำทาง ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร ไม่ให้ร้าย และไม่คิดร้ายกับใครทั้งสิ้น 10. นิสัยส่วนตัว ต้องไม่จู้จี้จุกจิก ไม่ขี้บ่น ไม่ขี้เหนียว ไม่ดุ ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่อิจฉาริษยา ฯลฯ คนเราทุกคนรู้ดีว่าอะไรคืออุปนิสัยที่ดี อะไรเป็นนิสัยแย่ ๆ ฉะนั้นเลือกที่จะรักษานิสัยดี ๆ เอาไว้ แล้วแก้ไขนิสัยที่แย่ออกไป (2). มนุษยสัมพันธ์ คุณจะดูดีอยู่คนเดียวไปทำไม คนเราควรจะดูดีอยู่เสมอน่ะใช่ แต่วาระที่ควรจะดูดีที่สุดคือเวลาที่อยู่ท่ามกลางผู้คน แต่งตัวสวย แต่งกายเหมาะสม เสื้อผ้าแฟชั่น หน้า ผม เลิศมาก แต่นิสัยแย่ ก็ไม่มีใคร นิยมชมชอบหรอกค่ะ ฉะนั้น ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี คือรู้จักเจรจาพาที มีใจเปิดกว้าง รับฟังคนอื่น และมีความเป็นเพื่อนที่พร้อมจะมอบให้แก่ทุก ๆ คนได้< 12. แผนงาน แผนงานช่วยให้คุณดูดีได้อย่างไร ดูดีเพราะคุณมีความพร้อมและตื่นตัวอยู่เสมอไงล่ะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม คุณมักจะมีระบบระเบียบและเตรียมงานได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้งานเดินเร็ว มีการกระจายงานอย่างเป็นระบบและทั่วถึง ไม่ตกหนักอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง หรือหากเป็นงานที่คุณรับทำ คุณก็จะมีขั้นมีตอนของการลงมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ 13. สุขภาพ สุขภาพเป็นรากฐานของความดูดี เพราะสุขภาพที่ดีช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ความคิดโลดแล่น และมีกำลังที่จะทำการทำงานให้เต็มประสิทธิภาพได้ ผิวพรรณก็สดใสเปล่งปลั่ง อารมณ์ก็แจ่มใส สุขภาพที่ดีช่วยให้ทั้งรูปกายภายนอกและอารมณ์กับความคิดข้างใน แสดงศักยภาพได้อย่างเต็มเปี่ยม 14. บุญ ทำบุญให้เยอะ ๆ แล้วจะดูดีขึ้น บางคนเชื่ออย่างนั้น ที่จริงบุญเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ได้ทำ ทำแล้วอิ่มเอิบหัวใจ ไม่ใช่จะมาคิดคำนวณกันเป็นระบบบัญชีหรอกค่ะ คนที่ทำบุญบ่อย ๆ เขาจะค้นพบเองว่าความสุขที่เกิดจากการให้ การทำ หรือการสละนั้น สุขยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ช่วยให้ใจของเขาปีติ ไม่ห่วงกังวลเพราะไม่ยึดติดกับสิ่งของสมบัติ คนเรานี้ พอใจสบาย ร่างกายก็ผ่องใสตามไปด้วย และบุญคือการทำความดี ทำแล้วก็มีคนยกย่อง ดังนั้น ทำบุญกันให้มาก ๆ ขึ้นนะคะ ๑๕. กรรม ทำบุญแล้วก็ยังไม่พอ ขอให้ลดการทำกรรมด้วย ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม มโนกรรม หรือวจีกรรม ล้วนแต่จะนำความเดือดเนื้อร้อน ใจมาให้ทั้งสิ้น ฉะนั้น ขอให้คิดดีทำดี คิดดี ๆ ก่อนพูด แล้วพูดออกไปดี ๆ คิดดี ๆ ก่อนทำ แล้วทำแต่สิ่งที่ดี ที่จะยังประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นและตัวเราเอง ประโยชน์ผู้อื่นมาก่อน ประโยชน์ตัวเองตามมา เขาจะถือว่าเป็นคนเสียสละ โลกจะยกย่องสรรเสริญ ทั้ง 15 ประการที่แนะนำมานี้ จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ เป็นเรื่องใกล้ตัว และเป็นเรื่องที่เหมาะควรแก่การพิจารณา นำมาประพฤติปฏิบัติ ใครปฏิบัติได้ จะมีความสุขใจ และความสำเร็จมากมายจะเดินทางมาหา ที่จะเห็นผลชัด ๆ ก็คือ ความดูดีที่จะปรากฏเสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์ และคนรอบข้างจะเอ่ยปากทักคุณในความดูดีที่เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์นี้!!

15 เคล็ดลับเสริมสร้างความงามทั้งกายและใจ

15 เคล็ดลับเสริมสร้างความงามทั้งกายและใจ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ประกอบเข้าด้วยกัน แล้วนำไปสู่ความดูดีของคนคนหนึ่ง อยากให้ทุกคนได้มีแนวทางเริ่มต้นสิ่งที่ดี ๆ เพื่อความสุขและความสมบูรณ์ในชีวิต เรียกอย่างผิวเผินก็ต้องบอกว่า สิ่งที่จะแนะนำต่อไปนี้ จะนำความดูดีมาสู่ตัวคุณ I). ความคิด เป็นรากฐานสำคัญของความเป็นคนคนหนึ่ง บุคลิกภาพ ความงามออกมาจากความคิดค่ะ เช่น คิดว่าจะอยู่แบบพอเพียงเรียบง่าย เขาก็จะแสดงออกผ่านการแต่งกาย การซื้อข้าวซื้อของ เครื่องประดับ บ้านช่องห้องหับ และเสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์ไลฟ์สไตล์แบบพอเพียง แต่ถ้าคิดอยากเด่นอยากดัง ก็จะต้องแต่งเนื้อแต่งตัวอีกแบบหนึ่ง พาตัวเองไปอยู่ในวงสังคมอีกแบบหนึ่ง ใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง ซึ่งต้องชัดเจนในตัวเองเสียก่อน ว่าเรามีความคิดแบบใด คำแนะนำก็คือ “นกน้อยทำรังแต่พอตัว” จึงต้องมองเห็นตัวเองแล้วกำหนดความคิดว่า เราควรจะมีชีวิตและดำเนินชีวิตแบบใด II). เสื้อผ้า ก่อนที่เสื้อผ้าจะช่วยเสริมความดูดี คนคนนั้นต้องมีรูปร่างที่ดีเสียก่อน ดังนั้นต้องดูแลรูปร่างให้กระชับ สมส่วน จากนั้นจึงหาเสื้อผ้าที่ส่งเสริมรูปร่างและผิวพรรณมาสวมใส่ ช่วยให้ดูสดใส สวยงามสมวัย แม้รูปร่างไม่เพอร์เฟ็กต์ แต่เสื้อผ้าก็ช่วยลดจุดด้อยในตัวได้ เช่น ปิดบังสะโพกที่ใหญ่เกินไป แก้ไขเรื่องเอวที่ไม่มี ก้นที่แบน ขาที่ใหญ่ แขนที่อวบ คอที่สั้นหรือยาว ฯลฯ โดยเลือกแบบและลวดลายที่เหมาะสม คือไม่เน้นส่วนด้อยให้ยิ่งโดดเด่น เช่น ไม่สวมกางเกงหรือกระโปรงรัดรูปจนบั้นท้ายมหึมายิ่งตำตาผู้คน ไม่สวมกางเกงหรือกระโปรงสั้น จนขาติดมันของคุณเป็นที่หัวเราะ III). ทรงผม เลือกทรงผมที่ส่งเสริมความโดดเด่นของใบหน้า และแก้ปัญหาส่วนด้อยไปด้วย เช่น หน้าผากกว้าง กรามใหญ่ ตาเล็ก คางสั้น ฯลฯ ขณะเดียวกันทรงผมก็ควรทันสมัย เสริมบุคลิกให้โดดเด่น น่ามอง และน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น IV). เครื่องประดับ อย่าให้รกรุงรัง จนดูเหมือนหุ่นตั้งเครื่องประดับในร้าน เลือกเครื่องประดับที่ทันสมัย แบบจะหวือหวาหรือเรียบง่ายก็ดูจากชุดที่สวมใส่ สถานที่ และงานที่เรากำลังจะไป V). กระเป๋า รวมหมดทั้งกะเป๋าถือ กะเป๋าหนีบ กะเป๋าหิ้ว กระเป๋าสะพาย และเป้ ทุกชนิดที่ว่านี้ช่วยให้ดูดีก็ได้ ช่วยให้ดูแย่ก็ได้ หลักคิดง่าย ๆ ในการเลือกกระเป๋าก็คือ กะทัดรัด ไม่พะรุงพะรัง ง่ายต่อการถือและดูแล ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหว และกลมกลืนกับเสื้อผ้าแฟชั่นที่สวมใส่ VI). รองเท้า เลือกรองเท้าที่เมื่อสวมใส่แล้ว ส่งเสริมให้รูปร่างดูสูงโปร่งขึ้น เข้ากับชุดที่ใส่ และเคลื่อนไหวได้สะดวก สวยงามสุภาพ เหมาะกับกาลเทศะ

แกะรอยเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆไทยเคาะประตูกรุงปารีส III

เสื้อผ้าแฟชั่นโชว์เซตที่สามโชว์ความเป็นจริงของผู้หญิงอีกเซตหนึ่ง เป็นโชว์ของ Sretsis (ชื่อแบรนด์ได้มาจากการเขียนกลับจากหลังไปหน้า ถ้าอ่านจากด้านหลังมา แบรนด์นี้ก็มาจากคำว่า sisters นั่นเอง) ทุกอย่างที่ปรากฎกลางแคตวอล์กของ Sretsis คือความเป็นหญิงสาววัยเยาว์ที่ดูอ่อนหวาน สดใส ซุกซน มีความเป็นตัวของตัวเอง และในความอ่อนหวานนั้นแอบมีความเปรี้ยวซ่อนอยู่ นอกจากการใช้เนื้อผ้าบางเบา การเล่นระบาย ผู้ชมหลายคนติดใจกับลูกเล่นโบเส้นเล็กๆ ที่ผูกไว้ด้านหลังชุดเดรส ทิ้งชายโบยาว ที่ชายโบยังแอบห้อยคริสตัลน่ารักปัดไปปัดมายามเดินอีกด้วย ขณะที่ Fly Now นำแนวคิดการใช้เสื้อผ้าแนว วิคตอเรียน สไตล์ จากยุคซิกซ์ตี้ส์ เซเว่นตี้ส์ และ เอทตี้ส์ ที่ดูล้าสมัยไปแล้วมาสร้างสรรค์ใหม่ให้มีความโปร่ง สบาย น่าสวมใส่ขึ้น โดยเลือกเฉพาะจุดเด่นของเสื้อผ้าแต่ละยุคมาใช้ในการออกแบบ ภารกิจเดินแบบในกรุงปารีสครั้งนี้ สิบนางแบบไทยที่ได้รับเลือกให้ไปไว้ลายนางแบบไทยคือ สิรินยา เบอร์บริดจ์ วนิดา เฟเวอร์ รัศมี ทองศิริไพรศรี ราศี วัชรพลเมฆ พรวดี พงษ์สาธิต มาริสา แอนนิต้า น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ กัญณัฐ บำรุงพงษ์ สุทธิกาญจน์ หวังเจริญทวีกุล และ เอมี่ สเทมส์ ดีไซเนอร์ไทยผู้เป็นเจ้าของโชว์ต่างรู้สึกยินดีและพอใจที่มีโอกาสนำผลงานแฟชั่นของตนไปเปิดการแสดงแฟชั่นเต็มรูปแบบที่กรุงปารีส ความหวังของทุกคนคือ อยากให้ปารีสรู้ ว่าเมืองไทยก็มีดีไซเนอร์หลายคนที่มีความสามารถและรู้จักเมืองไทยในแง่ของความเป็นเมืองที่มีแฟชั่นน่าสนใจ มากกว่าภาพลักษณ์ในแง่ลบเชิงอื่นๆ ถือเป็นก้าวแรกและเป็นก้าวสำคัญของดีไซเนอร์เมืองไทยที่มีโอกาสก้าวมา ณ จุดนี้ มร.เอมมานูแอล เดอ กาซชอง (Mr.Emmaruel de Gagasson) ชาวฝรั่งเศสซึ่งทำงานในบริษัทแฟชั่นชื่อดัง Escada เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับบัตรเชิญมาชมงาน กล่าวกับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า ถึงแม้เขาจะยังจำชื่อแบรนด์แฟชั่นของไทยไม่ได้ แต่เขาก็ชอบโชว์ที่หนึ่งและโชว์ที่สองมาก (เซนาด้าและเกรย์ตามลำดับ) เสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆมีความน่าสนใจมากทั้งสไตล์และวัสดุที่นำมาใช้ เต็มไปด้วยความดึงดูดใจ โดยเฉพาะโชว์ที่สอง เสื้อผ้ามีความเป็นผู้หญิงที่น่าประทับใจและน่าหลงใหลมาก ส่วนโชว์เซตอื่นเขารู้สึกว่าอยู่ในขั้น “ทั่วๆ ไป” และให้สัมภาษณ์ด้วยว่า เขาไม่เคยรู้จักประเทศไทยในแง่ที่มีแฟชั่นดีไซเนอร์ที่มีความสามารถแบบนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขารู้จักประเทศไทยในภาพลักษณ์เช่นนี้ ผู้ได้รับบัตรเชิญเข้าชมงานอีกคน ไดอาน่า คานินัว (Diana Caninoa) อดีตนางแบบซึ่งเกิดในอาร์เจนติน่าและกลายเป็นนักแสดงในฝรั่งเศส ใช้ชีวิตอยู่ในฝรั่งเศสมา 15 ปีแล้ว ให้สัมภาษณ์ว่า เธอเคยเห็นผลงานของดีไซเนอร์ไทยในมิลานและฮ่องกงมาก่อน และนั่นทำให้เธอกระตือรือล้นที่จะมาร่วมงานนี้ เนื่องจากผลงานของดีไซเนอร์ไทยที่เธอเคยเห็นนั้นน่าสนใจมาก เท่าที่ผ่านมาเธอเห็นแฟชั่นจากญี่ปุ่นอยู่เสมอ แต่แฟชั่นจากไทยนั้นมีไม่มากเลย “ครั้งนี้ฉันเห็นว่าดีไซน์ของไทยนั้นมีความโรแมนติกและมีความเป็นผู้หญิงมาก ดีไซเนอร์ทำงานหนักมากกับเสื้อผ้าที่เขาออกแบบ ตั้งแต่โครงเสื้อ การตัดเย็บ และการออกแบบ งานที่ปรากฎบนเสื้อผ้าเต็มไปด้วยความยอดเยี่ยม” ไดอาน่ายังให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับ 'อินดีเพนเดนท์โชว์' ครั้งนี้ของไทยด้วยว่า นับว่าเป็นแฟชั่นโชว์ที่แตกต่างจากโชว์อื่นๆ ในปารีส ตรงที่ไทยเลือกที่จะโชว์เสื้อผ้าเป็นหลัก ไดอาน่ารู้สึกว่า “เสื้อผ้ามีความสำคัญมากกว่านางแบบ โดยปกติแล้วผู้คนมักมองที่นางแบบก่อนแล้วค่อยมองเสื้อผ้า แต่โชว์นี้ทำให้ฉันต้องให้ความสนใจไปที่เสื้อผ้าซึ่งขับความเป็นผู้หญิงในตัวนางแบบออกมา เสื้อผ้าคือความสำคัญหลัก ไม่ใช่นางแบบ ผู้แสดงแบบบางคนทำผมธรรมดามาก แต่พวกเธอดูงามสง่าเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์เหล่านี้” ปารีสคือเมืองหลวงแฟชั่นที่ทั่วโลกไม่สงสัย การได้เปิดแสดงแฟชั่นโชว์เต็มรูปแบบในปารีสของดีไซเนอร์ชาติไหนๆ ก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะเมืองไทยซึ่งไม่ใช่ทุกคนทั่วโลกจะรู้จักในฐานะเป็นประเทศที่มีแฟชั่น แต่ตอนนี้แฟชั่นไทยได้ไปเคาะประตูแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อที่จะเปิดเข้าไปสู่ความเป็นสังคมแฟชั่นโลกแล้ว แต่เจ้าของบ้านจะเปิดประตูหรือไม่ ความตั้งใจจริงของผู้ไปเยือนจะพิสูจน์ในเวลาข้างหน้า

แกะรอยเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆไทยเคาะประตูกรุงปารีส2

แขกรับเชิญเริ่มมายืนออบริเวณลานด้านข้างปาเลส์ บรองเนียตตั้งแต่สองทุ่ม ขั้นตอนของงานจริงๆ เริ่มเวลา 21.00 น.ในลักษณะ 'ปาร์ตี้ต้อนรับ' เสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์ที่โถงใกล้ระเบียงมุมหนึ่งภายในปาเลส์ บรองเนียต บริการเครื่องดื่มท่ามกลางเสียงดนตรีกระหึ่มหู แสงไฟวูบวาบอยู่ในความสลัว กลางห้องโถงแขกเหรื่อตื่นตาตื่นใจกับการหามุมถ่ายรูปคู่กับ รถตุ๊กตุ๊กประดับคริสตัล ผลงานของ คริส ฟู อดีตนักเรียนโรงเรียนนานาชาติในกรุงเทพฯ ที่กำลังริเริ่มแบรนด์เครื่องประดับของตนเองโดยการนำคริสตัลสวารอฟสกี้มาประดับบนครื่องประดับแนวฮิพฮอพ ครั้งนี้เขาได้รับมอบหมายให้นำคริสตัลกว่าหนึ่งแสนเม็ดประดับบนรถตุ๊กตุ๊ก เพื่อนำมาจัดแสดงในงานนี้ สื่อให้เห็นว่าดีไซเนอร์ในเมืองไทยไม่ได้เก่งแต่การผลิตเครื่องประดับจากอัญมณีเท่านั้น แต่ยังสามารถทำงานศิลปะด้วยอัญมณีได้อย่างงดงาม ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวคิด 'เมด อิน แบงค็อก' นั่นเอง แล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงภายหลังปาร์ตี้ต้อนรับที่กินเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป แขกรับเชิญได้รับการทยอยจัดให้เข้าประจำที่นั่งชมแฟชั่นโชว์ซึ่งอยู่ในโถงขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกัน การจัดพื้นที่นั่งชมดูคล้ายอัฒจรรย์เชียร์กีฬาที่มีแถวที่นั่งเรียงซ้อนกันขึ้นไปประมาณ 7 แถว ยาวขนานไปกับความยาวของห้องโถงราว 40-50 เมตร โดยเว้นเนื้อที่ส่วนหนึ่งบนพื้นเป็นแคตวอล์ก โถงบริเวณนี้มีพื้นเป็นไม้ ด้านที่อยู่ตรงข้ามกับที่นั่งชมแฟชั่นโชว์เป็นเสาหินต้นใหญ่ๆ เรียงกัน หัวเสาแต่ละต้นโค้งเข้าหากันเหมือนซุ้มประตูโค้ง ช่องว่างระหว่างเสาแต่ละต้นขึงจอผ้าสีขาว ทั้งตัวเสาและจอผ้าทำหน้าที่เหมือนจอขนาดมหึมาเพื่อรองรับภาพวีดีทัศน์บอกเล่าเรื่องราวของวิถีชีวิตความเป็นกรุงเทพฯ และประเทศไทยมุมต่างๆ วีดีทัศน์นี้ฉายก่อนการเปิดตัวแฟชั่นโชว์แต่ละเซต เมด อิน แบงค็อก เซตแรก ประเดิมด้วยคอลเลคชั่น Romantic Prep เสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆคอลเลคชั่นใหม่ของ Senada Theory ตั้งใจโชว์เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยความเป็นผู้หญิง ชนิตา ปรีชาวิทยากุล ดีไซเนอร์ ทำเสื้อผ้าคอลเลคชั่นนี้โดยมี เครื่องแบบ (Uniform) ของนักเรียนอังกฤษเป็นแรงบันดาลใจ เช่น เบรเซอร์ สูทแจ็คเก็ต กระโปรงพลีต เสื้อเชิ้ต กางเกง ใช้โครงสร้างคลาสสิกของเสื้อผ้าแนวนี้ แต่ทำให้ดูหวาน ดูเป็นผู้หญิง ด้วยเนื้อผ้าและโทนสีบางเบา (ขาวนวล ชมพูตุ่น ม่วงเทา เขียวหม่น วานิลลาครีม) ผสมด้วยเทคนิครูดสม็อค งานปักมือ งานผ้าลูกไม้ แฟชั่นโชว์เซตที่สองมีความเป็น คอนเซปท์ชวล (Conceptual) เด่นชัดขึ้น ผู้ที่นั่งชมหันหน้าคุยกันถึงคอลเลคชั่น Asian Surprise ของ Grey ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องแบบทหารหลายชาติในเอเชีย ภาณุ อิงควัต ในฐานะดีไซเนอร์ของเกรย์บอกว่า เครื่องแบบทหารแบบเกรย์สะท้อนความแข็งแกร่ง ศรัทธา ความเชื่อ วัฒนธรรม ความรู้สึกนึกคิดที่อยู่ในเครื่องแบบทหาร แต่แฝงกลิ่นอายความเป็นเอเชียตรงความพิถีพิถันในการประดิดประดอย แฟชั่นโชว์ของเกรย์เป็นโชว์เต็มรูปแบบ อวดแนวคิดที่บอกถึงรายละเอียดที่จะใส่ไว้ในคอลเลคชั่น เช่น รูปทรงของกางเกง การเพิ่มเส้นสายให้เนื้อผ้า การนำกระดุมมาตกแต่ง โทนสีพาสเทล และให้นางแบบนายแบบเทินสิ่งของไว้เหนือศีรษะเพื่อดึงดูดความน่าสนใจให้กับโชว์เสื้อผ้าแฟชั่น

แกะรอยเสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์ไทยเคาะประตูกรุงปารีส

ยังเป็นกระแสหลักของการป่าวร้องให้ก้องโลกว่า บ้านเมืองขอไทยมีดีอยากจะอวด โครงการส่งออกเสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์ไทยไปปารีส จึงถูกจุดพลุเมื่อต้นเดือน ก.ย. วลัญช์ สุภากร อาสาเกาะขอบแคทวอล์ค ติดตามการเดินทางของนางแบบไทยและดีไนเนอร์ไทยเพื่อนำผ้าไทยไปอวดสายตาชาวโลก ถึงถิ่นผู้นำแฟชั่น ความเป็นไปล่าสุดของ โครงการเจาะตลาดเป้าหมาย (Bangkok Fashion City Roadshow 2005/6) ซึ่งเป็น 1 ใน 11 โครงการย่อยของ สำนักงานโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น กระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางมาสู่ประเทศเป้าหมายประเทศที่ 3 แล้ว นั่นก็คือประเทศ ฝรั่งเศส หาญกล้าไปเยือนประเทศฝรั่งเศสทั้งที ก็ต้องเลือกปักหลักให้ได้ ณ กรุงปารีส ศูนย์กลางแฟชั่นที่โลกวิ่งไล่ตาม วัตถุประสงค์หลักของ 'โครงการเจาะตลาดเป้าหมาย' ก็เพื่อเผยแพร่ภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์สินค้าอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย รวมไปถึงทำการตลาด ผ่านการทำกิจกรรมใน 3 ลักษณะคือ # ร่วมแสดงสินค้าแฟชั่นระดับนานาชาติ หรือที่เรียกว่า Trade Show # การจัดกิจกรรมแฟชั่นโชว์พิเศษ หรือ Independent Show # การจัดกิจกรรมส่งเสริมการทำธุรกิจและวางจำหน่ายสินค้าแฟชั่นไทยในห้างสรรพสินค้าชั้นนำระดับโลก หรือ In-Store Promotion 'โครงการเจาะตลาดเป้าหมาย' ได้รับการวางแผนไว้ว่า ต้องดำเนินการใน 8 ประเทศเป้าหมาย คือ สวิตเซอร์แลนด์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ฝรั่งเศส สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฮ่องกง อิตาลี ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา โดยในแต่ละประเทศจะเน้นจัดกิจกรรมที่แตกต่างกันตามความเหมาะสมของตลาดในประเทศนั้นๆ และ Independent Show คือหนึ่งในสองกิจกรรมที่ได้รับการพิจารณาให้จัดขึ้นในกรุงปารีส ในช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ.2548 ที่ผ่านมา ปารีส เป็นนครที่เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์ของนักออกแบบแฟชั่น เป็นต้นตำรับแห่งความละเอียดลออและเทคนิคชั้นสูงในการออกแบบและผลิตสินค้าแฟชั่น ดีไซเนอร์แห่งปารีสคือผู้ชี้นิ้วว่า เทรนด์ (Trend) หรือแนวโน้มแฟชั่นฤดูกาลต่อไปของโลก ผู้คนทั่วโลก(ที่ชื่นชอบแฟชั่น)จะสวมเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆแบบไหน สีอะไร สวมรองเท้าและถือกระเป๋ารูปทรงใด อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับแฟชั่นจะต้องผลิตสินค้าไปในทิศทางใด ส่วนหนึ่งเหล่านี้ทำปารีสเป็นที่รู้จักในนาม มหานครแฟชั่น อันทรงพลังและสง่างาม แน่นอนการเป็นมหานครแฟชั่นอย่างปารีสพิสูจน์แล้วว่า ทำเงินได้ปีละมหาศาล การจะนำแฟชั่นไทยไปจัดแสดง แฟชั่นโชว์พิเศษ (Independent Show) ณ มหานครซึ่งเป็นแหล่งรวมแฟชั่นดีไซเนอร์ชั้นครู บริษัท เจเอสแอล จำกัด ซึ่งได้รับมอบหมายจาก 'สำนักงานโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น กระทรวงอุตสาหกรรม' ให้เป็นผู้ดำเนินโครงการเจาะตลาดเป้าหมาย จึงเริ่มด้วยการจัดหา 'ทีมงานพิเศษในกรุงปารีส' บนแนวคิดที่ว่า การจะจัดงานให้เข้าถึงจิตใจคนฝรั่งเศส น่าจะใช้มือคนที่เข้าใจความรู้สึกและความชอบของคนในชาติเดียวกัน ในที่สุด เจเอสแอล ก็ตัดสินใจเลือก บริษัท Gaspard Yurkievich เพื่อออกแบบการทำ 'อินดีเพนเดนท์โชว์' ให้กับเสื้อผ้าแฟชั่นไทยในกรุงปารีส

การตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น

ขั้นตอนการตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่น เมื่อเราออกแบบเสื้อผ้าเรียบร้อย จึงเริ่มวางแผนในการตัดเย็บตามขั้นตอนและวิธีการ ดังนี้ ๑.การเตรียมผ้า เมื่อเริ่มต้นตัดเย็บเสื้อใหม่ ๆ ควรเลือกใช้ผ้าเนื้อธรรมดา ไม่ลื่น และไม่ใช้ผ้ายืด เป็นผ้าสีพื้น ไม่มีลวดลาย ก่อนตัดควรนำผ้าไปแช่ในน้ำเพื่อให้ผ้าอยู่ตัว และเป็นการทดสอบว่าผ้าสีตกหรือไม่ โดยแช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จึงนำขึ้นมาตากให้แห้ง 2.การสร้างแบบตัด การสร้างแบบตัดต้องวัดสัดส่วนของผู้สวมใส่ให้แม่นยำ เช่น รอบอก เอว สะโพก ขอบแขน ความกว้างของไหล่ แผ่นหลัง ถ้าต้องการตัดกางเกงขายาวทรงกระบอก ผู้ตัดต้องวัดสัดส่วนของรอบเอว รอบสะโพก ความยาวของขาตั้งแต่ส่วนบนขอบเอวถึงปลายขา (ตามความยาวที่ต้องการ) ความกว้างของปลายขากางเกง (ตามแต่ต้องการความหลวมหรือความแน่นของกางเกง) แล้วนำมาวาดแบบผ้าแต่ละชิ้นลงบนกระดาษสร้างแบบ เพื่อที่จะนำไปเป็นแบบตัดผ้า 3. การทำเครื่องหมายบนแบบตัด แบบตัดที่สร้างเสร็จแล้วควรทำเครื่องหมายกำกับไว้เพื่อให้สะดวกเมื่อลงมือตัดเย็บเครื่องหมายที่ใช้ในการตัดเย็บ เช่น 4.การวางแบบตัด มีวิธีการดังนี้ 1) สังเกตเครื่องหมายบนแบบตัด แล้ววางให้ถูกต้อง 2)รีดผ้าที่เตรียมไว้สำหรับตัดเย็บ วางแบบตัดแต่ละชิ้นลงบนผ้า เพื่อให้ผ้าตึง ไม่หย่อนหรือเป็นลูกคลื่น แล้วใช้เข็มหมุดกลัดไว้ โดยวางแบบตัดชิ้นใหญ่ก่อน เช่น วางส่วนของขากางเกงก่อนแล้วตามด้วยส่วนของกระเป๋ากางเกง ซึ่งจะช่วยประหยัดเนื้อที่บนผ้า 3) วางแบบตัดให้ครบทุกชิ้นแล้วจึงลงมือตัดผ้า เพื่อจะได้ใช้ผ้าอย่างประหยัด และแน่ใจว่าผ้ามีพอทีจะใช้ 5.การเผื่อผ้าการเผื่อผ้าคือการกำหนดขนาดของผ้าให้เกิดจากแบบตัด เพื่อใช้สำหรับเย็บตะเข็บซึ่งจะต้องกำหนดให้พอเหมาะ หากน้อยเกินไป พื้นที่ของตะเข็บจะมีน้อย ทำให้เย็บลำบาก และขาดง่ายเวลาสวมใส่ แต่ถ้ามากเกินไปชุดที่ตัดเสร็จแล้วจะหนาเทอะทะไม่สวยงาม ตัวอย่างการเผื่อผ้า เช่น เผื่อชายเสื้อ 3 – 4 เซนติเมตร ตะเข็บข้างเสื้อ 2.5 เซนติเมตร วงแขน 1.5 เซนติเมตร 6. การตัดผ้าก่อนตัดผ้าควรตรวจสอบว่าวางแบบถูกต้องทุกชิ้น และเผื่อตะเข็บผ้าเรียบร้อยแล้วจึงตัดผ้า โดยตัดผ้าให้ครบทุกชิ้น และทำเครื่องหมายบนผ้าให้ถูกต้อง เช่น การตัดกางเกงนั้นต้องใช้เครื่องหมาย ซึ่งหมายถึงการตัดผ้าตามแนวยาว 7. การกดรอย การกดรอยยาวควรเลือกกระดาษกดรอยที่มีสีใกล้เคียงกับผ้า ใช้เข็มหมุดกลัดผ้าจะกดรอย ให้ห่างจากริมเส้นแบบประมาณ 5 – 6 เซนติเมตร ถ้าใช้ผ้าด้านถูกประกบกัน ให้พับกระดาษกดรอยที่เป็นเทียนไขเข้าหากัน ถ้าใช้ผ้าด้านผิดประกบกัน ให้พับกระดาษกดรอยด้านที่เป็นกระดาษเข้าหากัน จากนั้นสอดกระดาษเข้ากลางผ้า แล้วใช้ลูกกลิ้งกลิ้งตามรอยไปมา ถ้าผ้าบางควรใช้ลูกกลิ้งปลายมน เพื่อป้องกันผ้าฉีกขาด แต่ถ้าหนาควรใช้ลูกกลิ้งฟันเลื่อย เพื่อให้มองเห็นรอยบนผ้าได้ชัดเจน 8.การเย็บผ้า การเย็บผ้าจะต้องวางแผนว่าจะเย็บชิ้นใดก่อนหลัง และเย็บส่วนประกอบต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนนำมาประกบเป็นตัวเพื่อให้งานรวดเร็ว การเย็บเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆให้เรียบร้อยจะประกอบด้วยวิธีการเย็บต่อไปนี้ 1 )เย็บกันยืด เพื่อป้องกันการยืดของผ้า เช่น บริเวณวงแขน รอบคอ 2)เย็บกันลุ่ย เพื่อป้องกันผ้าลุ่ย ( ชายผ้าคลายออกเป็นเส้นๆ เช่น ตะเข็บข้าง 3) เย็บเกล็ดใช้มือเย็บโดยเย็บจากจากเกล็ดด้านที่กว้างมายังปลายเกล็ดด้านแคบ 9.การรีด เมื่อตัดเย็บเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ควรสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง จากนั้นจึงนำไปรีเพื่อให้เสื้อผ้าคงรูปสวยงาม วิธีการรีดชุดที่เพิ่งตัดเย็บเสร็จควรรีดแบบล้มตะเข็บ เสื้อผ้าใหม่นั้นจะมีรอยตะเข็บที่หนา เช่น บริเวณด้านข้างของกางเกง เวลารีดแล้วควรกลับด้านในออก รีดในส่วนของตะเข็บให้ล้มลง เพื่อให้กางเกงไม่โป่งบริเวณสะโพกหรือขา จะให้ได้ทรงที่กระชับการตัดเย็บเสื้อผ้าที่มีการวางแผนและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง จะทำให้ได้เสื้อผ้าที่สวยงาม ประณีต และตรงตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งผู้ประกอบการควรฝึกฝนตนเองให้มีความเชี่ยวชาญและพัฒนาฝีมือให้ยิ่งขึ้นรวมทั้งสำรวจตลาดละความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อนำมาปรับปรุงกิจการของตนเอง พัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น

ผู้นำเข้าเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่นสู่มิลาน

บริษัท LOVE THERAPY เป็นบริษัทที่ออกแบบและจัดจำหน่ายสินค้าสำหรับเด็ก(4-14 ปี) - วัยรุ่น ( 16-25 ปี) ในสินค้าประเภทเสื้อผ้าแฟชั่น (เช่น เสื้อยึด กางเกงยีนส์ ฯลฯ) โดยจะใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่อ่อนนุ่ม เครื่องประดับที่มีขนาดเล็ก ของใช้น่ารัก (เช่น กระเป๋าพลาสติก รองเท้าผ้า ถุงเท้า กล่องพลาสติกใส่ของ ฯลฯ) เครื่องนอน(เช่น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่มที่มีลายวาดน่ารัก ฯลฯ) โดยสินค้าจะเน้นเรื่องของสีสันที่สดใส ที่เหมาะสำหรับเด็ก-วัยรุ่น ที่กำลังอยู่ในวัยร่าเริง สดใส สนุกสนาน ทางบริษัทฯ ยังจัดจำหน่ายสินค้าให้แก่ร้านค้าภาย ช่องทางจำหน่ายสินค้า ร้านค้าของบรืษัท 1 ร้าน และ Distributor และ Retailer ร้านสินค้าแฟชั่นสำหรับเด็กและวัยรุ่น ในประเทศ กว่า 250 แห่ง และตลาดต่างประเทศ ประมาณ 200 แห่ง เช่น เบลเยี่ยม เยอรมัน สเปน อังกฤษ รัสเซีย เป็นต้น 2. ข้อมูลจากการเยี่ยมพบ บริษัท LOVE THERAPY เป็นบริษัทที่ออกแบบและจัดจำหน่ายสินค้าสำหรับเด็กและวัยรุ่น เน้นลวดลายเก๋ น่ารักสีสันสดใส ผ่านร้านสินค้าแฟชั่นเด็กและวัยรุ่น เกือบ 500 แห่ง ในประเทศอิตาลี เกือบ 300 แห่ง และที่เหลือในยุโรป เช่นเบลเยี่ยม เยอรมัน สเปน อังกฤษ รัสเซีย เป็นต้น โดยมีร้านค้าของตนเอง 1 ร้าน นาย Elio Fiorucci (นักออกแบบและนักธุรกิจ) ได้เริ่มเปิดร้าน Fiorucci เป็นครั้งแรกที่ Galleria Passerella หลังจากที่ได้ทำงานกับพ่อในร้านขายรองเท้าแตะในมิลาน ต่อมาในช่วงยุค 70 ชื่อ Fiorucci ก็กลายเป็นแบรนด์สำหรับสินค้านานาชาติ โดยมีการจำหน่ายไปยัง ยุโรป อเมริกาใต้ และญี่ปุ่น หลังจากนั้น 10 ปี Fiorucci ก็ได้ทำการขยายร้านค้าไปยังประเทศต่างๆ เช่น ลอนดอน นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส เป็นต้น ในปี 1990 แบรนด์ Fiorucci ถูกขายให้กับ Edwin International (ในกลุ่มประเทศญี่ปุ่น) และในปี 2003 ร้าน Fiorucci ถูกขายให้กับประเทศสวีเดน (H&M) ในปี 2003 นาย Elio Fiorucci ก็ได้สร้างแบรนด์ขึ้นมาใหม่ชื่อว่า LOVE THERAPY ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสินค้าที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส และมีขนาดเล็กกระทัดรัด เหมาะสำหรับเด็ก - วัยรุ่นที่อยู่ในวัยสดใส โดยจำหน่ายสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น (เสื้อยึด กางเกงยีนส์) เครื่องประดับต่างๆ เครื่องใช้และเครื่องนอน และได้มีการเปิดร้านใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเน้นสีสันสดใส โดยมีผู้เข้าแวะชมประมาณ ห้าพันคนต่อวัน ในระยะเวลา 2 ปี ทางบริษัท ฯได้ทำการส่งออกสินค้า และจัดจำหน่ายให้แก่ร้านค้าอื่น ๆ ทั่วยุโรป บริษัท LOVE THERAPY มีความสนใจที่จะนำเข้าสินค้าประเภทเสื้อผ้าและของใช้สำหรับเด็ก-วัยรุ่น จากประเทศไทย โดยเน้นที่มีดีไซน์น่ารัก สีสันสดใส และราคาที่ไม่สูงมากเพื่อนำมาจำหน่ายในประเทศและส่งออก ทั้งนี้นาย Elio ได้ลองนำเข้าเสื้อผ้าวัยรุ่นจากไทย และเคยสั่งซื้อจากนักออกแบบรุ่นใหม่ของไทย จากสวนจัตุจักรและแพลทตินั่ม ซึ่งสินค้าดังกล่าวเป็นที่พอใจในด้านคุณภาพ สำนักงาน ฯ มิลาน เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะขยายตลาดส่งออกเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆและของใช้สำหรับเด็ก-วัยรุ่นไปยังตลาดอิตาลี และยังถือเป็นการสนับสนุนผู้ผลิตไทยรายใหม่ ๆ ที่มีความคิดสร้างสรรค์และแปลกใหม่ สินค้าของไทยถือว่ามีคุณภาพในระดับหนึ่งและราคาไม่สูงมาก

การเลือกซื้อเสื้อผ้าในตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นราคาถูก

3.2.1. แหล่งผลิต ควรพิจารณาเลือกซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นของที่ผลิตได้ในประเทศเป็นอันดับแรก และหลีกเลี่ยงการซื้อผ้าที่หาข้อมูลแหล่งผลิตไม่ได้ เพราะผู้ผลิตมักไม่ยอมบอกความจริงทั้ง ๆ ที่ปัจจุบันผ้าแทบทุกชนิดผลิตขึ้นเองในประเทศทั้งนี้เพื่อให้ผู้ซื้อเข้าใจผิดว่าเป็นผ้าที่สั่งมาจากต่างประเทศจึงทำให้ราคาสูง ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนค่านิยมเสียใหม่ คือ เลือกซื้อแต่ผ้าที่ผลิตจากภายในประเทศ ข้อคิดในการเลือกซื้อเสื้อผ้า 1.คุ้มเงินหรือเปล่า? 2.มั่นใจแค่ไหน? 3. เคยมีแล้วหรือยัง? 4.จะเอาไปใส่ที่ไหนได้บ้าง? 5. จะใส่เข้ากับชุดไหนได้บ้าง? 6.ต้องดูแลรักษามากหรือเปล่า? 4. เทคนิคในการแต่งตัว เสื้อ: เสื้อแขนกุด ไม่เหมาะกับคนอวบอ้วน : เสื้อคอวี เหมาะกับคนที่ศีรษะโต หรือช่วงคอสั้น : เสื้อลายทางยาวๆ ช่วยพรางหุ่นอวบอ้วนให้เพรียวขึ้น : เสื้อเชิ้ต ช่วยให้ดูเป็นผู้หญิงทำงานที่ปราดเปรียวขึ้น กระโปรง: สะโพกใหญ่ ควรสวมกระโปรงยาวระดับหัวเข่า เข้ารูป ไม่ต้องบานนัก : หน้าท้องยื่น ควรปิดด้วยกระโปรงเข้ม ทรงสอบๆ ตรงๆ : เสริมช่วงขาให้ดูยาวขึ้น ด้วยกระโปรงสั้นๆ เหนือเข่า : ขาเล็กเกินไป ไม่ควรสวมกระโปรงสอบๆ ควรนุ่งกระโปรงบานย้วย กางเกง: ถ้าอ้วนไม่ควรใส่กางเกงเอวรูด จะยิ่งดูอ้วนขึ้น : อยากหุ่นเพรียว ควรใส่กางเกงเข้ารูป ไม่ใช่กางเกงหลวมโพร่ง : ถ้าไม่มีก้น ควรเลือกกางเกงลายๆ และไม่รัดรูปนัก : ต้องการพรางบั้นท้าย เลือกกางเกงที่มีกระเป๋าด้านหลัง ถ้าไปเดินตามตลาดเปิดท้ายจะเห็นได้ว่า มีเสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลีต่างๆ มากมายให้เลือกชม เลือกดู มีหลายแบบหลากหลายสไตล์ จนบ้างที นึกในใจว่า ... ทำมัยเสื้อผ้าแฟชั่นราคาถูก จังเสนอราคาตั้งแต่ 50 ขึ้นไป จนถึง 199 ราคายอดนิยม ...เท่าที่สังเกตราคาเสื้อผ้าตามตลาดจะไม่ค่อยแพงมากอย่างมากก็ 199 แต่จะให้ราคาพุ่งไปถึง 300-500 บาทนี้ ไม่ค่อยเห็นเท่าไร แต่แบบเสื้อผ้าก็ดูดีทีเดียว ไม่ต่างจากในห้างสักเท่าไร ลูกค้าโดยมากส่วนใหญ่ก็จะเป็นสาวๆนี้แล่ะ ขาประจำ ผู้ชายไม่ค่อยมีเท่าไรที่จะเป็นตัวตั้งตัวตีในการเข้าไปเลือกซื้อเสื้อผ้า เสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆ ก็จะออกแนว เป็นเสื้อยืดที่ ใส่ง่ายใส่สบาย ที่สำคัญ ต้องมีลายเป็นเอกลักษณ์ ลายไอเดียเฉพาะ จะได้รับความนิยม สีสรรก็ต้องออกแนวดูแล้ว สบายหูสบายตา ทำให้ดูมีชีวิตชีวา เสนอราคาก็จะไม่เกิน 159 แต่เห็นขายกันก็ราคา 100-120 บาท ซึ่งคุณภาพ ไม่ต้องพูดถึง ใส่ ได้ เกิน 10 ทีผ้าไม่เสียซะก่อนก็คุ้มแล้วค่ะ เอาไรมากมายกับเสื้อผ้าแฟชั่นราคาถูก

การเลือกและการใช้เสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์

3.1.4). กะปริมาณของเสื้อผ้าแฟชั่นให้พอดีกับงานที่ใช้ ให้เกินได้บ้างเล็กน้อย แต่อย่าให้ขาดต้องศึกษาและรู้จักความกว้างของหน้าผ้าที่ขายในท้องตลาด เพื่อจะเปรียบเทียบราคากับจำนวนผ้าที่ซื้อ เช่น ผ้าฝ้ายที่ตกแต่งให้มีคุณสมบัติคล้ายลินินหน้ากว้าง 36 นิ้ว ราคาเมตรละ 80 บาท ถ้าต้องการตัดกระโปรง 1 ตัว จะต้องซื้อสองเท่าของความยาวซึ่งราคาอาจแพงกว่าซื้อผ้าอย่างเดียวกัน แต่หนากว่าเล็กน้อยและกว้าง 60 นิ้ว เพราะซื้อเพียงเท่าเดียวของความยาว เป็นต้น 3.1.5). โอกาสใช้สอย พิจารณาให้เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย และงบประมาณที่มีถ้าหากมีงบประมาณจำกัด ควรเลือกผ้าที่เป็นกลาง ๆ ไม่แสดงถึงโอกาสใช้สอยให้เห็นเด่นชัด เช่น เสื้อคอกลมผ้ากำมะหยี่ไม่เหมาะสมที่จะใช้เวลากลางวัน ควรใช้ผ้าอื่นที่ไม่จำกัดโอกาสเช่น ผ้าฝ้ายปนใยสังเคราะห์ หรือผ้าป๊อบปลิน ซึ่งใช้ได้ทุกโอกาส 3.1.6) . ความทนทาน เลือกเนื้อผ้าให้เหมาะสมกับระยะเวลาที่จะใช้ผ้าบางชนิดทอเนื้อหลวม ลุ่ยง่าย สีซีดเร็วใช้ไม่กี่ครั้งก็เก่า แม้จะราคาถูกแต่เมื่อเอาจำนวนครั้งที่ใช้หารกับราคาผ้าแล้วมักแพงกว่าผ้าเนื้อดีราคาสูง ดังนั้นจึงควรเลือกเสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์เนื้อดีและทนทานเพื่อให้ใช้ได้นาน และเลือกเนื้อผ้าพอใช้ได้สำหรับที่จะใช้เพียงชั่วคราว 3.1.7). ความสบาย การเลือกซื้อผ้าไม่ควรคิดถึงความสวยเพียงอย่างเดียว เพราะเสื้อผ้าที่สวยบางชนิดสวมแล้ว ทำให้รู้สึกไม่สบายกาย ร้อน อึดอัด และเป็นผื่นคันได้ ดังนั้นจึงต้องคำนึงถึงเมื่อตัดสวมใส่แล้วมีความสบายทั้งกายและใจ สบายกายคือไม่ร้อน ไม่อึดอัด ไม่คัน สบายใจคือไม่กระดากว่าเสื้อผ้าที่สวมอยู่ทำให้คนมองอย่างที่ไม่ต้องการให้มอง เช่น สีสัน และลวดลายแปลกจากธรรมดาไม่เข้ากับลักษณะของผู้สวม 3.1.8). ความสวยงาม ความเหมาะสมกับรูปร่าง ผิวพรรณลักษณะ ท่าทาง และกิริยาของผู้สวมใส่ เช่น คนที่มีลักษณะอ่อนโยนนุ่มนวล ควรสวมเสื้อผ้าที่มีลวดลายกระจุ๋มกระจิ๋ม หรือลวดลายในตัว ผู้ที่มีข้อบกพร่องบางอย่างในร่างกายควรจะพรางได้ด้วยการสวมเสื้อผ้า เช่น สะโพกใหญ่มากไม่ควรเลือกผ้าตัดกระโปรงที่มีสีอ่อนเนื้อบางเบา 3.1.9). ความทันสมัย ลวดลายผ้าและเนื้อผ้า ย่อมเป็นที่นิยมกันเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ผ้าชนิดที่มีอยู่ในระยะเวลาอันสั้นเมื่อนำมาตัดเสื้อผ้าก็ใช้ได้ไม่กี่ครั้ง แม้จะยังดีอยู่ก็ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ซึ่งเป็นการใช้เงินไม่คุ้มค่าฉะนั้นควรเลือกใช้ผ้าลวดลายและเนื้อผ้าชนิดที่ใช้ได้นานกว่าผ้าที่ตามสมัยนิยม 3.2.0). งบประมาณ แม้จะไม่รู้ราคาผ้า ก็ควรคิดไว้ก่อนว่าจะเลือกผ้าในวงเงินเท่าใด ถ้ามีทุนทรัพย์จำกัดควรเลือกผ้าราคาแพงในจำนวนพวกผ้าราคาถูก อย่าเลือกผ้าราคาถูกในจำพวกผ้าราคาแพง เช่น ผ้าฝ้ายมีราคาไม่แตกต่างกันมากนักจากเมตรละ 20 กว่าบาท ถึง 90 - 100 บาท ถ้าซื้อผ้าฝ้ายราคา 50 บาท นับว่าราคาแพงในจำนวนเสื้อผ้าแฟชั่นราคาถูก ผ้าลูกไม้มีราคาตั้งแต่ยี่สิบกว่าบาทไปจนถึงหลายพันบาท นับว่าเป็นผ้าที่มีราคาแพงมากถ้าซื้อผ้าลูกไม้ราคาเมตรละ 100 บาท ถือว่าได้ผ้าราคาถูกในจำนวนผ้าราคาแพง

การเลือกและการใช้เสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์

1. ความหมายของเสื้อผ้าแฟชั่นเครื่องแต่งกาย ผ้า คือ สิ่งที่ทอด้วยเส้นใยใช้เป็นเครื่องนุ่งห่มเพราะฉะนั้นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายจึง หมายถึงการใช้สิ่งทอด้วยเส้นใยมาผลิตเป็นรูปแบบต่างๆ ตามความต้องการ 2. ความสำคัญและประโยชน์ของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความสำคัญของการแต่งกายสามารถบอกถึงค่านิยมและการเสริมสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชนชาตินั้นๆ ประโยชน์ของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เพื่อป้องกันความร้อนหนาว บ่งบอกถึงฐานะทางเศรษฐกิจ บ่งบอกอาชีพของผู้สวมใส่ ตลอดจนเสริมสร้างบุคลิกภาพและสะท้อนวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่มให้สง่างามถูกกาลเทศะ 3. การเลือกเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆ การเลือกซื้อผ้ามีความสำคัญ เพราะถ้าได้ผ้าที่เหมาะสมกับแบบตัดเหมาะกับบุคลิกของผู้ใช้ สถานที่และโอกาส ผ้ามีความสำคัญเพราะจะทำให้ผู้สวมใส่ดูดีขึ้นในขณะเดียวกันก็อาจจะทำให้ผู้สวมใส่ดูแย่ลงถึงแม้ว่าผ้านั้นจะราคาแพงก็ตาม เนื้อผ้าสีของผ้า ลวดลายผ้าช่วยทำให้เสื้อ กางเกงและกระโปรงดูมีราคา ถ้าเลือกแบบได้เหมาะสมกับผ้า ผสมกับการตัดเย็บด้วยฝีมือประณีต ชวนให้สวมใส่และใช้ได้นาน หลายโอกาส ไม่เบื่อง่าย 3.1) การเลือกซื้อผ้าสำหรับสวมใส่ (3.1.1). เลือกคุณสมบัติของผ้าตามวัตถุประสงค์ที่ต้องใช้ เช่น เสื้อผ้าใส่ทำงาน เครื่องแบบนักเรียน เสื้อผ้าใส่ลำลองอยู่ในบ้าน เหล่านี้ควรเลือกผ้าที่เหมาะสม ไม่เทอะทะหรือเบาบางจนเห็นชั้นใน (3.1.2). ศึกษาข้อความที่เขียนติดมากับผ้าและริมผ้าอย่างละเอียด ถ้าหน้าผ้าหรือริมผู้เขียนไว้ว่าผ้าฝ้าย หรือ Cotton 65 % หมายความว่าผ้าชิ้นนั้นมีคุณสมบัติของผ้าฝ้ายมากกว่าเทโทรร่อน ดังนั้นผ้าชิ้นนี้จะสวมใส่สบาย ไม่ยับมากและรีดแต่น้อย หรือข้อความเขียนบอกว่าเป็นผ้าเรยอน 100% ซึ่งหมายความว่าผ้าชิ้นนั้นเป็นผ้าเรยอนล้วน ซึ่งเมื่อยังใหม่สามารถจับต้องหรือมองดูสวยงามน่าใช้แต่พอนำมาตัดเย็บจะยับมาก เวลาซักถ้าขยี้ไปมาจะขาด ทั้งนี้เพราะคุณลักษณะของผ้าเรยอนเป็นเช่นนั้น (3.1.3). สังเกตด้วยตาและการจับต้อง ผ้าทอเนื้อดีเส้นด้ายยืนและเส้นด้ายพุ่งจะตัดกันเป็นมุมฉาก ถ้าเส้นด้ายทั้งสองโย้เย้หรือรวนเป็นผ้าที่คุณภาพต่ำ หรือด้อยจะตัดเย็บลำบาก ผ้าที่ทอด้วยมือ เช่น ผ้าไหมไทย ถ้านำมาส่องทวนแสงดูจะมองเห็นฝีมือการทอถี่ห่างไม่เสมอกันเป็นเพราะฟันหวีกระทบด้ายพุ่งไม่เสมอ แสดงว่าเป็นผ้าที่มีคุณภาพด้อย การจับต้องผ้า เช่น กำผ้าเพื่อทดสอบการยับ ถ้ากำแล้วผ้าไม่คลายตัว และคงรอยยับเป็นเส้นอยู่อย่างนั้นแสดงว่าไม่ทนยับและต้องการรีดหรือขยี้ผ้าเพื่อดูว่ามีการเพิ่มเนื้อ เช่น ตกแต่งเนื้อผ้าด้วยการลงแป้งหรือไม่ ดังนั้นเพื่อให้ได้ผ้าตรงกับประโยชน์ใช้สอย จึงควรเลือกซื้อตามความรู้สึก จากการสังเกตด้วยตาหรือจากการจับต้องให้ตรงกัน เช่น การเลือกซื้อผ้าตัดชุดนอน ควรเลือกเสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์เนื้ออ่อนนุ่ม ทนยับ เป็นต้น

การสะท้อนสังคมผู้ชายที่กลายเป็นหญิงมุมเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆ

บทเพลงนั้นเป็นผลงานที่ผู้แต่งสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างงดงาม สอดคล้องตามจินตนาการ ความรู้สึก ความใฝ่ฝันของผู้ประพันธ์ เสื้อผ้าแฟชั่น เนื้อหาสาระของเพลงกลั่นกรองจากความคิดที่สะท้อนความเป็นจริงในสังคม ผู้ประพันธ์ต้องการถ่ายทอดให้ผู้ฟังรับทราบในรูปของการพูด ภาษาเขียนที่ไพเราะ โดยนำมาประกอบเข้าไปกับดนตรี อันเป็นภาษาที่มีท่วงทำนอง จังหวะ และเสียงสูงต่ำ ดนตรีและเพลงจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ๑ “ เพลงไทยมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลานาน นับตั้งแต่เพลงพื้นบ้าน จนกระทั่งถึงเพลงลูกทุ่งสมัยใหม่ หรือจากเพลงไทยเดิมจนกระทั่งถึงเพลงลูกกรุง” ๒ ก่อนปี ๒๔๗๕ เพลงไทยแบ่งกว้างๆเป็น เพลงไทยเดิมและเพลงพื้นบ้าน แต่หลัง ๒๔๗๕ เกิดเพลงไทยประเภทที่สาม คือ เพลงไทยสากล แนวเนื้อหาของเพลงไทยสากลในยุคแรก ช่วงทศวรรษ ๒๔๘๐ เป็นกลุ่มเพลงปลุกใจ เพลงรัก และเพลงชีวิต คือ เพลงที่หยิบยกเอารายละเอียดของคนในอาชีพต่าง ๆ มาพรรณนาด้วย คำร้องเรียบง่าย แต่กินใจ สะท้อนสภาพสังคม และเสียดสีการเมืองบ้าง ต่อมาหลัง ๒๕๐๐ ได้แบ่งเพลงไทยสากลออกเป็น เพลงลูกกรุงกับลูกทุ่ง จนกระทั่งเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ มีเพลงประเภทที่สาม คือเพลงเพื่อชีวิต การแบ่งแบบนี้ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้ ในด้านเนื้อหาของเพลงก็มีหลากหลาย เช่น ตลกขบขัน รักหวานชื่น หัวอกขื่นขม สองแง่สามง่าม เสียดสีสังคม เป็นต้น ๓ เพลงมีบทบาทและหน้าที่ของเพลงต่อสังคมหลายประการด้วยกัน คือเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆ ๑. ทำหน้าที่เป็นเสมือนกับตัวแทนของระบบสัญลักษณ์ในทางสังคม ๒. ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางกายภาพ ๓. เป็นเสมือนเครื่องควบคุมและคอยรักษาบรรทัดฐานทางสังคม ๔. มีบทบาทในการรักษาสถาบันที่สำคัญทางสังคม ๕. ทำให้เกิดความสืบเนื่องและความมั่นคงทางวัฒนธรรม บทเพลงและดนตรีจะเกิดขึ้นในส่วนใดของโลกก็จะได้รับการดัดแปลงให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่และศิลปวัฒนธรรมของคนในเชื้อชาตินั้น ๆ เพลงมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ในแง่จิตใจและสังคมแล้ว เพลงยังรับใช้มนุษย์ในแง่เศรษฐกิจและการเมืองด้วย ๔ เพลงมีคุณค่าในตัวของมันเอง และได้สะท้อนสภาพต่าง ๆ ดังนี้ ประการแรก ความรู้สึก นึกคิดของบุคคล การบรรยายความในใจโลกทัศน์ มโนทัศน์ในด้านต่าง ๆ และการให้ความหมายของคำ ประการที่สองเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรม เช่น ค่านิยม ความเป็นอยู่ อาชีพ สัญลักษณ์ในการติดต่อสื่อสาร ๕ จะเห็นได้ว่าบทเพลงมีบทบาทและคุณค่ามากมาย นอกจากจะให้ความบันเทิงแล้ว บทเพลงยังให้คุณค่าหรือสะท้อนสิ่งต่าง ๆ มากมายเหมือนกัน ผู้เขียนบทความเลือกเอาบทเพลงของ คุณเจิน เจิน บุญสูงเนิน มาวิเคราะห์ สำหรับขอบเขตในการศึกษา คือ บทเพลงจำนวน ๓ ชุด (ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง, ผีเสื้อราตรี, ข้าคือคนไทย) และมุ่งวิเคราะห์วิจารณ์โดยไม่เกี่ยวข้องกับศาสตร์และศิลป์ทางดนตรี อีกทั้งเห็นว่าเป็นบทเพลงที่น่าสนใจและยังไม่เคยมีผู้ใดศึกษาแนวเพลงแบบนี้มาก่อน ซึ่งเป็นแนวเพลงแบบใหม่ หรือ แนวใหม่เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลี โดยเพลงมีลักษณะคาบเกี่ยวกันระหว่างเพลงไทยลูกทุ่งและเพลงไทยสากล แต่ถ้าจะจัดให้เป็นประเภท น่าอยู่ในแนวเพลงแบบลูกกรุงหรือแนวเพลงแบบใหม่ที่สะท้อนสภาพชีวิตและความจริงในสังคมที่ทุกคนไม่อาจปฏิเสธได้

การเลือกซื้อครีมกันแดดเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆ

เสื้อผ้าแฟชั่น
การเลือกซื้อครีมกันแดดที่มีค่าที่ต้องพิจารณาประกอบการซื้อดังนี้1. ค่า PAครีมกันแดดใหม่ ๆ ที่วางขายกันในตลาดมักประกอบไปด้วย UVA Filter และค่าที่วัดการป้องกันรังสีUVA เรียกว่า PAPA ย่อมาจากคำว่า Protection Grade of UVA ในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยวัดที่เป็นมาตรฐานในการวัดค่าการดูดซืมของรังสี UVA ดังนั้นจึงถือเอาคำว่า PA เป็นหน่วยวัดรังสี UVA อย่างไม่เป็นทางการค่า PA นั้นจะมี 3 ระดับคือ PA+, PA++ และ PA+++PA+++ นั้นสำหรับผู้ที่ต้องการ การปกป้องสูง (เจอกับแสงแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน)PA+ สำหรับผู้ที่ต้องการปกปกแสงแดด จากกิจกรรมทั่ว ๆไป (อาจจะไม่ได้เจอกับแสงมากนัก)ดังนั้นสำหรับใครที่จะต้องเจอกับแสงแดดเป็นเวลาหลายชั่วโมง ให้เลือก PA++ หรือ สูงกว่านี้ ซึ่งยังมีค่าการวัดของทางประเทศฝรั่งเศส เป็นค่าในการวัดความาสามารถ ในการปกป้องรังสี UVA คือIPD และ PPD ซึ่งความแตกต่างของค่าสองชนิดนี้มีดังนี้1.IPD:เป็นการวัดความสามารถในการปกป้องรังสี UVA โดยทำการทดสอบเริ่มตั้งแต่ 1 นาทีแรก หลังจากที่ผิวหนังถูกแสงแดด จึงเสมือนเพื่อเป็นการวัดรอยดำของเม็ดสีที่อยู่บนผิวหนังแบบชั่วคราวเท่านั้นIPD นั้นย่อมาจาก Immediate Pigment Darkening คือค่าในการปกป้องผิวจากรังสี UV-A ที่มีผลกับผิวในทันที โดยมีค่าหลากหลายตั้งแต่หลัก 10 ถึงหลัก 100 แต่โดยปรกติค่านี้ไม่ค่อยมีความสำคัญเท่าไหร่ ไม่จำเป็นต้องไปดูมากครับ และผลิตภัณฑ์กันแดดหลายๆตัวก็ไม่ได้ระบุค่านี้เอาไว้ด้วยเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆ 2. PPD: เป็นการวัดความสามารถ ในการปกป้องรังสี UVA โดยทำการทดสอบหลังจากผิวหนัง ถูกแสงแดดเป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมง จึงเป็นการวัดรอยดำของเม็ดสี ที่เกิดขึ้นอย่างถาวรPPD ย่อมาจาก Persistent Pigment Darkening คือค่าในการปกป้องผิวจากรังสี UV-A ที่มีผลกับผิวในระยะยาว นั่นก็คือการออกแดดหลายๆชั่วโมงตามปรกติในชีวิตประจำวันของเรานั่นเอง ดังนั้นค่านี้จึงถือเป็นค่าที่เราควรให้ความสนใจมากที่สุด ระดับของค่าก็มีตั้งแต่ระดับต่ำ 1-2 จนกระทั้งถึงประมาณ30 กว่า โดยปรกติจะถือว่า (+ การสังเกตเองจากที่วางขายตามท้องตลาด) PPD ระดับตั้งแต่ 1-2 สามารถปกป้องผิวจากรังสี UV-A ได้ในระดับต่ำPPD ระดับตั้งแต่ 4-8 สามารถปกป้องผิวจากรังสี UV-A ได้ในระดับกลางPPD ระดับตั้งแต่10-18 สามารถปกป้องผิวจากรังสี UV-A ได้ในระดับสูง PPD ระดับตั้งแต่ 20-28 สามารถปกป้องผิวจากรังสี UV-A ได้ในระดับสูงมากดังนั้นสำหรับครีมกันแดดของที่ผลิตจากฝรั่งเศส หรือในยุโรป หรือที่ส่งออกไปยังประเทศในทวีปอื่นๆด้วยนั้นเสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลี ให้เลือกแบบที่มีค่า PPD ตั้งแต่ 10-28 จะดีที่สุดครับ

ระบบภูมิคุ้มกัน

ระบบภูมิคุ้มกัน เสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆ มีหลักฐานแสดงว่าภูมิคุ้มกันของคนที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ได้รับรังสี UV จะถูกกดไว้ ทำให้คนเหล่านี้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย และลดประสิทธิภาพของวัคซีนลงด้วย อย่างไรก็ตามข้อมูลในด้านนี้จะ ต้องทำการศึกษาวิจัยต่อไปตา ผลของรังสี UV ต่อตาอย่างเฉียบพลัน คือ กระจกตาอักเสบ (photokeratitis) และเยื่อตาขาวอักเสบ(photoconjunctivitis) ซึ่งปัญหานี้ป้องกันได้ด้วยการสวมแว่นกันแดดที่เหมาะสม แต่ผล ต่อเนื่องเรื้อรังที่จะเกิด คือ การเกิดต้อเนื้อ มะเร็งของเยื่อตาขาวชนิด squamous cell และต้อกระจกรังสี UVAรังสีคลื่นยาวที่เจาะลึกลงสู่ใต้ผิว ผ่านไปยังผิวหนังชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดอันตรายต่อโครงสร้าง เนื้อเยื่อ เส้นใยลาสติน และคอนลาเจน ส่งผลให้ผิวหนังดำคล้ำ หม่นหมอง เหี่ยวย่น และก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ในระยะยาว รังสี UVBรังสีคลื่นสั้นที่จะถูกดูดซับ และกระจายตัวอยู่บริเวณผิวชั้นบน ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวหนังอย่างเฉียบพลัน เพราะจะทำให้ผิวหนังปรากฏ อาการไหม้แดด เซลล์ผิวมีลักษณะที่หนาผิดปกติ และอาจกลายเป็นมะเร็ง ผิวหนังได้ในที่สุดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมระดับการเพิ่มของรังสี UV บนพื้นผิวโลก อาจจะมีผลต่อเนื่องที่สำคัญต่อสิ่งมีชีวิตทั่ว ๆ ไป การได้รับรังสี UVB เพิ่มขึ้น จะมีผลเสียต่อการเจริญเติบโตของพืช การสังเคราะห์แสง และความต้านทาน โรค นอกจากนี้ระดับ ของรังสี UV ที่เพิ่มขึ้นยังมีผลต่อนิเวศวิทยาในน้ำ เช่น จำนวนของ phytoplankton จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากรังสี UVB ที่เพิ่มขึ้น เสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อแหล่งอาหารของมนุษย์และสัตว์น้ำ เนื่องจาก phytoplankton เป็นสิ่งที่อยู่ในห่วงโซ่อาหารของสัตว์น้ำข้อกำหนดของการรับรังสีและมาตรการการป้องกัน ควรใช้ฉากกั้นแสง ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีทั้ง UVA และ UVB เพื่อลด การถูกแสงแดด มิใช่เพื่อให้สามารถรับแสงแดดได้นานขึ้น ประชาชนควรรู้จักระวังตนเองต่อการรับรังสี UV มากขึ้น และการใช้วิธีป้องกันที่เหมาะสม รวมทั้งการหลบแดดในเวลาเที่ยงวัน เนื่องจากเวลาดังกล่าวแสงแดดจะมี ระดับของรังสี UV สูงสุด ฉะนั้นจึงควรสวมหมวกปีกกว้าง ใส่เสื้อผ้าให้มิดชิดและแว่นกันแดดที่ดูดซับรังสี UV ได้การป้องกันในเด็กเล็กที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ การป้องกันผลระยะยาวที่จะเกิดตามมาต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อป้องกันการได้รับรังสี UV จากแสงแดดที่เพิ่มขึ้นหลักการของเครื่อง UV-VIS SpectrophotometerUV-VIS Spectrophotometer เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวัดปริมาณแสงและค่า intensity ในช่วงรังสียูวีและช่วงแสงขาวที่ทะลุผ่านหรือถูกดูดกลืนโดยตัวอย่างที่วางอยู่ในเครื่องมือ โดยที่ความยาวคลื่นแสงจะมีความสัมพันธ์กับปริมาณและชนิดของสารที่อยู่ในตัวอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสารอินทรีย์ สารประกอบเชิงซ้อนและสารอนินทรีย์ที่สามารถดูดกลืนแสงในช่วงความยาวคลื่นเหล่านี้ได้คุณสมบัติในการดูดกลืนแสงของสารเมื่อโมเลกุลของตัวอย่างถูกฉายด้วยแสงที่มีพลังงานเหมาะสมจะทำให้อิเล็กตรอนภายในอะตอมเกิดการดูดกลืนแสงแล้วเปลี่ยนสถานะไปอยู่ในชั้นที่มีระดับพลังงานสูงกว่าเมื่อทำการวัดปริมาณของแสงที่ผ่านหรือสะท้อนมาจากตัวอย่างเทียบกับแสงจากแหล่งกำเนิดที่ความยาวคลื่นค่าต่างๆตามกฎของ Beer-Lambert ค่าการดูดกลืนแสง (absorbance) ของสารจะแปรผันกับจำนวนโมเลกุลที่มีการดูดกลืนแสง ดังนั้นจึงสามารถใช้เทคนิคนี้ในระบุชนิดและปริมาณของสารต่างๆที่มีอยู่ในเสื้อผ้าแฟชั่น

สเปคตรัมของแสงอาทิตย์ที่มีผลเสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์

สเปคตรัมของแสงอาทิตย์ ( Solar Light )จากที่ได้กล่าวมาแล้วว่า แสงอาทิตย์ มีสเปคตรัมของแสง หรือรังสีอยู่ 3 ส่วนด้วยกันที่สามารถผ่านเข้ามา สู่โลกได้ ซึ่งแสงและรังสีทั้ง 3 ส่วน ดังกล่าวก็จะมีคุณสมบัติซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบกับวัสดุที่แตก ต่างกัน ดังนี้รังสี UV ( Ultraviolet ; รังสีอัลตราไวโอเลต )รังสี UV คือ รังสีอัลตราไวโอเลต เป็นรังสีที่มีอยู่ในแสงอาทิตย์ ( Solar Light )โดยมีลักษณะเป็นคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในสเปคตรัมของแสงอาทิตย์ ( Solar spectrum ) มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วงตั้งแต่ 300 nm. - 400 nm. รังสี UV หรือแสง UV ตกกระทบถูกพื้น ผิวของวัสดุใด ๆ จะไม่ก่อให้เกิดความร้อน แต่จะทำให้วัตถุนั้นเกิดการเสื่อมสลาย หรือถูกกัดกร่อนจาก รังสี UVแสง VIS (Visual Light ; แสงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า)แสง VIS คือ แสงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นแสงที่มีอยู่ในสเปคตรัมของแสงอาทิตย์เช่นกันเสื้อผ้าแฟชั่นราคาถูก มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วงตั้งแต่ 410 nm. - 722 nm. โดยเมื่อแสง VIS นี้ตกกระทบกับพื้นผิวของวัตถุใดๆ แสง VIS นี้ก็จะเปลี่ยนจากพลังงาน ในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ไปเป็นพลังงานความร้อน พลังงานความร้อนดังกล่าวนี้จะทำให้วัตถุนั้นมีอุณหภูมิสูงขึ้น รังสี IR ( Infra Red ; รังสีอินฟราเรด )รังสี NIR คือ รังสีอินฟราเรด เป็นรังสีที่มีอยู่ใน สเปคตรัมของแสงอาทิตย์เช่นกัน โดยมีความยาวคลื่นอยู่ในช่วงตั้งแต่ 724 nm. - 2500 nm. รังสีอินฟราเรดเป็นรังสีที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่นเดียวกันกับรังสี UV และเมื่อรังสีอินฟราเรดนี้ตกกระทบกับพื้นผิวของวัตถุใด ๆ รังสีดังกล่าวก็จะ เปลี่ยนจากพลังงานในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน พลังงานความร้อนดังกล่าวนี้ จะทำให้วัตถุนั้นมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างมากการถ่ายเทความร้อนผ่านหลังคา และผนังอาคารเมื่อหลังคาหรือผนังของอาคาร ได้รับพลังงานจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ ก็จะดูดกลืนพลังงานของแสงอาทิตย์ และเปลี่ยนสภาพเป็นพลังงานความร้อนทำให้พื้นผิวภายนอกของหลังคาหรือเสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลีผนังอาคารมีอุณหภูมิสูงขึ้นมาก และเมื่อพื้นผิวภายนอกมีอุณหภูมิสูงขึ้นก็จะเกิดผลต่างของอุณหภูมิ ระหว่างพื้นผิวภายนอก และภายในของหลังคาหรือผนังอาคาร ทำให้เกิดการถ่ายเทความร้อน ( Heat Transfer) ในลักษณะของการนำความร้อน (Heat conduction) ขึ้นระหว่าง พื้นผิวทั้งสอง เป็นผลให้ตัวอาคารร้อนขึ้นและเกิดอุปสรรคต่อระบบของการปรับอากาศในส่วนของพลังงานไฟฟ้าในการรักษาอุณหภูมิภายในห้องปรับอากาศด้วย เป็นต้นวิธีป้องกันความร้อนเข้าสู่อาคารการป้องกันความร้อนไม่ให้ผ่านเข้ามาสู่ตัวอาคาร เป็นการป้องกันไม่ให้พลังงานจากการแผ่ รังสีของดวงอาทิตย์กระทบกับพื้นผิวของหลังคาหรือผนังอาคาร หรือให้กระทบน้อยที่สุดอาจ ทำได้หลายวิธี คือการออกแบบอาคาร เป็นการป้องกันความร้อนโดยใช้ความรู้ทางด้านสถาปัตยกรรมในการออกแบบอาคารหรือการจัดวางตัวอาคาร เพื่อให้สามารถลดปริมาณความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวอาคารให้น้อย ลงหรือให้มีพื้นที่ที่รับความร้อนน้อยที่สุด เช่น จัดให้มีช่องเปิดของผนังอาคาร น้อยที่สุดใน ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นให้ด้านที่แคบของตัวอาคารหัน เข้าทิศตะวัน ออก หรือทิศตะวันตก เป็นต้น