โลกแห่งการค้นหา..เพื่อชีวิต
แต่งกายเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆให้เหมาะสม
คนเราแต่งกายเพื่อปกปิดร่างกายไม่ให้กระทบกับความร้อนความเย็นจนเกินไป และเพื่อไม่ให้ประเจิดประเจ้อการนำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาปกปิดร่างกาย เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนเราที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ ค่านิยมในแต่ละสมัยเสื้อผ้าแฟชั่นนอกจากเป็นเครื่องปกปิดร่างกายแล้ว ยังเป็นเครื่องแสดงวัฒนธรรมแสดงความเป็นชาติ แสดงตัวตนที่แท้จริงของผู้สวมใส่และมีผลกระทบต่อจิตใจของผู้สวมใส่ด้วย การแต่งกายมักจะเป็นไปตามแฟชั่นที่เปลี่ยนไปเสมอ แต่มิได้หมายความว่าคนที่ไม่แต่งตามแฟชั่นเป็นคนล้าสมัย คนที่แต่งตัวงามเป็นที่ชื่นชมมักจะไม่ใช่คนที่แต่งตัวตามแฟชั่น แต่เป็นคนที่รู้จักปรับแฟชั่นให้เข้ากับตน เพียงนภากับดนัยอ่านข้อความข้างต้นกลับไปกลับมา เด็กทั้งสองเป็นเพื่อนอยู่ชั้นเดียวกัน ปรกติเขาไม่ทำการบ้านด้วยกัน แต่การบ้านวันนี้ยากจึงมาชวนเพียงนภาให้ช่วยกันทำ การบ้านนั้นคือการย่อความเรื่อง “แต่งให้งามตามที่เหมาะ” ดนัยไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน เพียงนภาแนะนำให้อ่านให้เข้าใจก่อนแล้วตัดคำที่เยิ่นเย้อออกไป เก็บเนื้อความไว้ให้เหมือนเดิม เมื่อดนัยฝึกทำพอเข้าใจแล้วจึงขอตัวกลับบ้าน เพียงนภายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะสนามตัวนั้น เพียงนภาหยิบหนังสือกลอนสอนเยาวสตรีเรื่อง ยายสอนหลาน พบข้อความที่น่าสนใจว่า “การแต่งกายไม่ต้องให้ฉูดฉาดมาก ทำผมแต่งหน้าให้ดูดีหรือไม่แต่งหน้าเลยก็ได้ เพราะถ้าหน้าตาสดใสก็จะดูดีอยู่แล้ว การใส่สร้อยแหวนเครื่องประดับมากเกินไป อาจได้รับอันตรายถูกโจรมาจี้ปล้นเอาได้ เพียงนภาคิดว่าน่าจะแต่งกลอนสอนผู้ชายด้วยเช่นกัน ผู้ชายก็ต้องแต่งกายให้เรียบร้อย สะอาด ถูกกาลเทศะ เคารพสถานที่ ไปที่ไหนก็ต้องไม่เปิ่นต้องถูกระเบียบ ดูสง่า ไม่มอซอมอมแมม และไม่สวมกางเกงขาดด้วย ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง ๑.คนจำนวนมากนิยมแต่งกายตามเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆหรือสมัยนิยม ทำให้ดูทันสมัย ๒.ผู้ที่ไม่แต่งกายตามแฟชั่นไม่ใช่คนเชยหรือล้าสมัย แต่เป็นคนที่รู้จักปรับแฟชั่นมาแต่งให้เหมาะสมสำหรับตนเอง ๓.การแต่งกายที่ดี ไม่จำเป็นต้องแต่งตามแฟชั่น แต่เป็นการแต่งกายให้สะอาด เรียบร้อยเหมาะแก่วัยและสถานภาพของผู้แต่ง