โลกแห่งการค้นหา..เพื่อชีวิต

เรื่องรักฉบับหวานขมบทที่1-7

     ธีธัชเดินมาส่งนลินถึงหน้าบ้าน ก่อนเดินย้อนกลับบ้านตัวเอง “คราวหลังไม่ต้องมาส่งก็ได้ เกรงใจ”  “ไม่เป็นไรหรอก มันมืดแล้ว อันตราย ซอยนี้พอหัวค่ำก็เปลี่ยวด้วย” ธีธัชพูดอย่างใจคิด ซอยนี้เคยเกิดเหตุวิ่งราวอยู่หลายครั้ง ด้วยความที่ค่อนข้างเปลี่ยวเวลามืดค่ำ จึงห่วงเพื่อนรุ่นพี่อย่างจริงใจ สติ๊กเกอร์แต่งรถลายการ์ตูน และไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนก็ตาม ถ้าเดินมาด้วยกันกับเขาในซอยเปลี่ยวแบบนี้ ก็คงยืนกรานที่จะมาส่งถึงหน้าบ้านแน่นอน มิ ฉะนั้นคงกลับบ้านด้วยความไม่สบายใจเป็นแน่  “ขอบใจนะ” หญิงสาวขอบคุณพลางยิ้มจากใจจริง ดีใจที่ได้รู้จักเพื่อนดีๆ แบบนี้ หญิงสาวรู้ว่าเขาห่วงความปลอดภัยของหล่อน และมันก็มาจากความเป็นสุภาพบุรุษโดยแท้ของเขา ขณะนั้นเอง สองหนุ่มสาวได้ยินเสียงคนคุยกันเบาๆ ดังแว่วมา “ตัวเอง อย่าแรงสิ เบาๆ หน่อย เดี๋ยวก็ช้ำหมดพอดี” เสียงพูดของผู้หญิงดังขึ้น “นี่เบาแล้วนะ ตัวเองขยับไปหน่อยสิ ไม่ถนัดเลย” เสียงของผู้ชายอีกคนดังแทรกขึ้นมา “ตัวเอง แรงอีกแล้วนะ” ผู้หญิงคนเดิมพูดขึ้นอีก ทั้งธีธัชและนลินหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะฟังจากบทสนทนาแล้ว ต่างคิดเหมือนกันว่าต้องมีวัยรุ่นที่ไหนมาแอบพลอดรัก และทำอะไรประเจิดประเจ้อ  “นายว่าเสียงมันมาจากไหน” นลินเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจขณะถามเสียงกระซิบ “ผมก็ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแถวนี้แหละ” คนตอบก็เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจเช่นกันเพื่อหาที่มาของเสียง “ตัวเอง โดนัตเหนื่อยแล้วนะ ไม่ไหวแล้ว ทำคนเดียวได้มั้ย แต่อย่า แรงนะ” เสียงผู้หญิงดังขึ้นอีก “สบายมาก แอนดริวทำคนเดียวก็ได้ ตัวเองไม่ต้องออกแรงหรอก”     “อุ๊ย! แรงอีกแล้ว บอกแล้วว่าเบาๆ หน่อยสิ สติ๊กเกอร์แต่งรถมอเตอร์ไซค์ เดี๋ยวช้ำหมด”  หลังจากได้ยินชื่อราวดารานั้น สองหนุ่มสาวก็หันขวับไปยังบ้านข้างๆ  ทันที ต่างค่อยๆ ย่องเข้าไปจนเกือบชิดขอบรั้ว มั่นใจว่าต้องเป็นสุดากับอเนก คู่รักสุดหวานประจำซอย แต่ต่างคิดไม่ถึงว่าคนบ๊องๆ สองคนนั้นจะมาทำเรื่องบัดสีบัดเถลิง ไม่อายผีสางเทวดากันขนาดนี้ “ดูยายโดนัตกับไอ้แอนดริวสิ มันทำอะไรกัน ไม่กลัวคนเดินผ่านไปผ่านมาเห็นหรือยังไง แล้วบ๊องไปซะทุกเรื่อง แต่ทีเรื่องแบบนี้ไม่บ๊อง ไวไฟเชียว” นลินบ่นงึมงำเป็นชุดขณะเสียงคุยกันกะหนุงกะหนิงของสองคนนั่นยังดังมาเป็นระยะ ทั้งสองค่อยๆ ยื่นศีรษะ มองข้ามรั้วไม้เข้าไปในเขตตัวบ้าน และต่างอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น แล้วอึ้งไปชั่วขณะ พูดอะไรไม่ออก เพราะ...คนบ๊องสองคนกำลังง่วนกับการช่วยกันดึงต้นกวางตุ้งในแปลงผักอย่างขะมักเขม้น “อย่าดึงแรงนะ เดี๋ยวช้ำหมดนะตัวเอง” สุดาพูดพลางใช้กระดาษทิชชูซับเหงื่อให้อเนกด้วยท่าทางที่แสดงถึงความรักใคร่และความสุข ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่ฉีกยิ้มจนหน้าตาที่ดูตลกอยู่แล้วยิ่งตลกขึ้นไปอีก “รู้แล้วจ้ะ ดึงเบาแล้ว” อเนกพูดไม่ค่อยชัด ถ้าคนไม่คุ้นเคย อาจต้องตั้งใจฟังสักหน่อย สติ๊กเกอร์แต่งรถ